Skip to content

การปฏิสนธิ (Fertilization) มีขั้นตอนอย่างไร คุณแม่มือใหม่ต้องรู้!


26 มีนาคม 2025
บทความ

กว่าจะเกิดการตั้งครรภ์ และให้กำเนิดเป็นลูกน้อยที่เป็นตัวแทนแห่งความรักของคุณพ่อและคุณแม่ ก็จะต้องมีกระบวนการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เสียก่อน ซึ่งจะเกิดการปฏิสนธิขึ้นได้จะต้องมีเพศสัมพันธ์เพื่อให้เซลล์สืบพันธุ์อย่างไข่และอสุจิได้มาเจอกัน แต่ในขั้นตอนหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงสามารถกลายเป็นตัวอ่อนและเติบโตกลายเป็นทารกได้ ที่นี่มีคำตอบ

ตอบคำถาม: การปฏิสนธิ คืออะไร

  • การปฏิสนธิ (Fertilization) คือขั้นตอนการที่เซลล์สืบพันธุ์เพศชาย (อสุจิ) เข้ามาผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง (เซลล์ไข่) โดยจะมีอสุจิเพียง 1 ตัวที่สามารถเข้ามาผสมกับไข่ 1 ฟอง
  • เมื่ออสุจิที่แข็งแรงที่สุด 1 ตัวเจาะเข้ามายังไข่ได้แล้ว เปลือกไข่ก็จะหนาตัวขึ้นจนอสุจิตัวอื่นไม่สามารถเจาะเข้ามาได้อีก
  • เซลล์สืบพันธุ์มีผลต่อเพศของเด็ก โดยเฉพาะอสุจิที่มีโครโมโซม X และ Y หากอสุจิที่มีโครโมโซม X สามารถปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ เด็กจะเป็นเพศหญิง แต่หากเป็นอสุจิที่มีโครโมโซม Y เด็กจะเป็นเพศชาย
  • การปฏิสนธิจะเป็นการรวมตัวและแบ่งโครโมโซมจากอสุจิและไข่อย่างละครึ่ง หากปฏิสนธิสำเร็จก็จะกลายเป็นตัวอ่อนระยะ Zygote ก่อนจะแบ่งเซลล์ต่อไปและเคลื่อนตัวออกมาจากท่อนำไข่สู่ผนังมดลูก
  • เมื่อตัวอ่อนสามารถฝังตัวที่ผนังมดลูกได้สำเร็จ จึงนับว่าสำเร็จการตั้งครรภ์

การปฏิสนธิ (Fertilization)

การปฏิสนธิ (Fertilization) คือ ขั้นตอนที่เซลล์ไข่ของเพศหญิงถูกเซลล์อสุจิของเพศชายเจาะเข้ามาเพื่อผสมรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว โดยระยะนี้จะเรียกว่า Zygote ซึ่งจะมีการแบ่งตัวในรูปแบบทวีคูณจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 ไปเรื่อย ๆ จนถึงระยะ Blastocyst ซึ่งเป็นตัวอ่อนที่มีความแข็งแรงและมีการแบ่งเซลล์มามากกว่า 100 เซลล์ จะเคลื่อนตัวไปยังโพรงมดลูกเพื่อฝังตัวอยู่กับผนังมดลูกต่อไป หากตัวอ่อนสามารถฝังตัวได้ก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะตั้งครรภ์


ขั้นตอนการปฏิสนธิ

1.การตกไข่

ในถุงน้ำหุ้มรังไข่จะมีเซลล์ไข่อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งถูกสร้างมาตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ เซลล์ไข่เหล่านี้จะค่อย ๆ สุกทีละ 1 ใบในแต่ละเดือนแล้วหลุดออกจากถุงน้ำหุ้มรังไข่ ก่อนที่จะตกลงมายังท่อนำไข่ โดยกระบวนการนี้เรียกว่า “การตกไข่” นั่นเอง

2.ไข่เคลื่อนที่ไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิ

หลังกระบวนการตกไข่ ไข่จะเดินทางเข้าสู่ท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ เซลล์จะมีเวลารอในการปฏิสนธิแค่ 24 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างกระบวนการตกไข่ ที่ผนังมดลูกก็จะหนาตัวขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน แต่หากไม่มีการปฏิสนธิขึ้น เซลล์ไข่จะฝ่อ และผนังมดลูกก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนต่อไป

3.เกิดการปฏิสนธิ

เมื่อเซลล์ไข่ที่สุกเคลื่อนตัวมายังท่อนำไข่ และในระหว่างนี้มีเพศสัมพันธ์ขึ้น ก็มีโอกาสที่เซลล์อสุจิจะไปเจอกับเซลล์ไข่ โดยที่อสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียง 1 ตัว เจาะเข้าไปยังเซลล์ไข่ 1 เซลล์จนเกิดการปฏิสนธิ และหลังจากนั้นเซลล์ไข่ก็จะสร้างเปลือกหนาขึ้นทำให้อสุจิตัวอื่นไม่สามารถเข้ามาปฏิสนธิได้อีก

ในขั้นตอนการปฏิสนธินั้น เซลล์อสุจิมีบทบาทต่อเพศของทารกอย่างมาก เนื่องจากเซลล์อสุจิจะมีทั้งโครโมโซม X และโครโมโซม Y และเซลล์ไข่จะมีเพียงโครโมโซม X เท่านั้น หากอสุจิที่มีโครโมโซม X เจาะเข้ามายังไข่ได้ ทารกก็จะเป็นเพศหญิง (XX) กลับกันหากอสุจิที่มีโครโมโซม Y เจาะเข้ามายังไข่ได้ ทารกก็จะเป็นเพศชาย (XY)

4.ระยะไข่ฝังตัวที่ผนังมดลูก

หลังจากมีการปฏิสนธิแล้ว เซลล์ไข่และอสุจิจะรวมกันกลายเป็นตัวอ่อนระยะ Zygote การแบ่งเซลล์จะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งตัวอ่อนที่อยู่ในท่อนำไข่จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปยังมดลูกเพื่อฝังตัวที่ผนังมดลูก ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 3-4 วัน ในช่วงกระบวนการฝังตัวของตัวอ่อน อาจทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอดได้

หลังปฏิสนธิกี่วัน ถึงจะรู้ว่าท้อง

หลังจากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไข่ตกแล้ว จะทราบว่าตั้งครรภ์ไหมจะต้องตรวจจากการวัดระดับฮอร์โมน เอชซีจี (HCG) ซึ่งจะเริ่มตรวจพบได้ ประมาณ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือประมาณ 6 วันหลังการปฏิสนธิ แต่ระดับฮอร์โมนระดับ HCG ยังต่ำมาก และจะเพิ่มอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงอายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์

ช่วงเวลาที่การปฏิสนธิมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด

การปฏิสนธิจะเกิดขึ้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่มีการตกไข่ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น ในแต่ละเดือนกระบวนการตกไข่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งหมายความว่าใน 1 เดือนจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ผู้หญิงจะตั้งครรภ์ได้

อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องเป็นวันเดียวกับวันที่ไข่ตกก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เหมือนกัน เนื่องจากอสุจิที่แข็งแรงสามารถมีชีวิตอยู่ในร่างกายของผู้หญิงได้ประมาณ 48-72 ชั่วโมง และไข่จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 12-24 ชั่วโมง หลังการตกไข่ โดยผู้ที่มีประจำเดือนมาปกติจะเกิดการตกไข่ 14 วันก่อนมีประจำเดือนครั้งต่อไป ซึ่งการปฏิสนธิจะเกิดขึ้นเมื่ออสุจิและไข่ผสมกันแทบจะทันทีหลังเกิดการตกไข่

สอนวิธีคำนวณวันไข่ตก

การนับวันตกไข่สำหรับผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือนปกติมักจะแม่นยำ เพราะปกติแล้วผู้หญิงจะมีประเดือนทุกๆ 28 วัน ซึ่งจะให้นับหลังจากประจำเดือนมาวันที่ 1 พอถึงวันที่ 14 จะเป็นวันที่ไข่ตก

ถ้าต้องการจะมีบุตรให้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาก่อนวันไข่ตก, วันที่ไข่ตก หรือหลังวันที่ไข่ตก 1 วัน (วิธีนี้จะเหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาตรงกันทุกเดือนเท่านั้น)

อ่านวิธีนับวันไข่ตกอย่างละเอียด ได้ที่บทความ นับวันไข่ตก คืออะไร มีวิธีนับอย่างไร?

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิสนธิ

ปัจจัยที่ส่งผลที่ต่อการปฏิสนธิมีอยู่หลายปัจจัย ดังนี้
  • เซลล์ไข่ จะต้องเป็นไข่ที่สุกพร้อมต่อการปฏิสนธิ ลักษณะของเซลล์ไข่ควรจะมีผนังที่ไม่หนาเกินไป เนื่องจากอสุจิจะเจาะเข้าไปเพื่อปฏิสนธิได้ยากขึ้น
  • อสุจิ ต้องมีจำนวนมากพอที่จะว่ายมาถึงเซลล์ไข่บริเวณท่อนำไข่ เมื่อมาถึงแล้วต้องแข็งแรงมีความสามารถที่จะเจาะเข้าเซลล์ไข่ได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงต้องมีความปกติทางด้านรูปร่าง โดยเฉพาะส่วนหัวของอสุจิที่เป็นส่วนบรรจุโครโมโซมพันธุกรรม หากมีความผิดปกติก็จะส่งผลให้ปฏิสนธิไม่สำเร็จเช่นกัน
  • ฮอร์โมนในร่างกาย เนื่องจากการปฏิสนธิและเกิดการตั้งครรภ์สำเร็จไม่ใช่เพียงแค่เซลล์ไข่ผสมกับอสุจิได้เท่านั้น แต่จะต้องสามารถเจริญเติบโตเพื่อพัฒนากลายเป็นตัวอ่อน และสามารถฝังตัวกับผนังมดลูกเพื่อเกิดการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ ฮอร์โมนในร่างกายมีความสำคัญอย่างมาก หากระดับฮอร์โมนไม่สมดุลหรือเหมาะสม ก็ส่งผลให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะกับการเจริญของตัวอ่อน นำไปสู่การตั้งครรภ์ไม่สำเร็จ
  • ลักษณะของรังไข่และมดลูก ในขั้นตอนการปฏิสนธิ เซลล์ไข่จะอยู่ที่ท่อนำไข่เพื่อรอให้อสุจิวิ่งมาปฏิสนธิ ซึ่งถ้าหากรังไข่หรือมดลูกอยู่ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมต่อการปฏิสนธิ เช่น ท่อนำไข่ตีบตัน ก็จะมีโอกาสที่อสุจิจะมาปฏิสนธิกับไข่ยากขึ้น หรือแม้ว่าจะปฏิสนธิสำเร็จ ก็อาจมีโอกาสที่ตัวอ่อนจะถูกขวางกั้นไม่ให้ไปฝังตัวที่ผนังมดลูกได้

วิธีกระตุ้นการปฏิสนธิแบบธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ หากอยากเพิ่มโอกาสการปฏิสนธิแบบธรรมชาติ ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ที่ส่งผลให้เซลล์สืบพันธ์มีความแข็งแรง ฮอร์โมนสมบูรณ์อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ มีดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ภาวะอ้วนหรือผอมเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิสนธิได้ การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยวิธี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ทานอาหารบำรุงร่างกาย ควรบำรุงร่างกายให้พร้อมก่อนมีแผนการตั้งครรภ์ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและไขมันทรานส์สูง ควรเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 แทน
  • ทานอาหารเสริม เมื่อเริ่มวางแผนจะมีบุตรต้องเริ่มรับประทานวิตามินรวมหรือวิตามินเตรียมตั้งครรภ์ที่มีส่วนผสมของกรดโฟลิค (Folic acid) โดยในระยะแรกของการตั้งครรภ์ หลอดประสาทของตัวอ่อนจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ซึ่งการรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของกรดโฟลิคจะช่วยลดความเสี่ยงภาวะพิการแต่กำเนิดได้
  • ความเครียด เพราะภาวะเครียดส่งผลให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) สูง อาจส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ ดังนั้นควรทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เพื่อช่วยลดความเครียดสร้างสุขภาพจิตที่ดี
  • ลดปริมาณการดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ แม้จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการดื่มคาเฟอีนหรือการดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบต่อการปฏิสนธิ แต่การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการตกไข่ หรือมีผลต่อพัฒนาการของตัวอ่อนหลังการปฏิสนธิ ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ควรจำกัดปริมาณหรือเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ไปก่อน
  • หยุดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่อาจส่งผลกระทบต่อการสืบพันธุ์ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งบุตร การท้องนอกมดลูก และการเข้าสู่วัยทองเร็วกว่าผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2 ปี ส่วนผู้ชายก็ควรหยุดสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่ทำให้อสุจิไม่แข็งแรงและมีปริมาณน้อยลงนั่นเอง
  • การรับประทานยาบางชนิด หากมีแผนจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการรับประทานยา เพราะยาบางชนิดมีผลต่อพัฒนาการของตัวอ่อน นอกจากนี้ผู้หญิงที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์


การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย (In-vitro Fertilization)

นอกจากการปฏิสนธิแบบธรรมชาติแล้ว ยังมีอีกวิธีที่สามารถทำให้มีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ได้ ก็คือ การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย (In-vitro Fertilization) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ประสบภาวะมีลูกยาก โดยวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน จะแบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ การฉีด IUI และ การทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI


2. เด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI

เป็นวิธีที่พัฒนามาจากการทำกิ๊ฟท์สมัยก่อน แต่มีโอกาสสำเร็จมากกว่าแถมไม่ต้องผ่าหน้าท้อง โดยการฉีดยาเพื่อกระตุ้นเซลล์ไข่เป็นเวลา 10-12 วัน แล้วเจาะเอาเซลล์ไข่ออกมาปฏิสนธิกับอสุจิภายในห้องแล็บ เลี้ยงจนเป็นตัวอ่อนและย้ายกลับเข้าโพรงมดลูกของฝ่ายหญฺงเจริญเติบโตในครรภ์ต่อไป

โอกาสสำเร็จในวิธีนี้คือ 70-80%

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

  • เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ แนะนำโดยคุณหมอ
  • การทำอิ๊กซี่ icsi คืออะไร ทำไมเพิ่มโอกาสการมีลูกมากกว่า


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปฏิสนธิ

การปฏิสนธิใช้เวลากี่วัน

การปฏิสนธิจะใช้เวลาอยู่ที่ 24 ชั่วโมง จากเซลล์ไข่และกลายเป็นตัวอ่อนในระยะ 1 วัน

อสุจิเข้าผสมกับไข่ที่บริเวณใด

อสุจิจะมาเจอและผสมกับไข่ที่บริเวณท่อนำไข่ เมื่อปฏิสนธิกันจนเป็นตัวอ่อนแล้วจึงเคลื่อนย้ายมาฝังตัวที่ผนังมดลูกเพื่อเจริญเติบโตต่อไป

การฝั่งตัวของทารกใช้เวลากี่วัน

หลังจากที่ตัวอ่อนเกิดการปฏิสนธิแล้วจะมีการเดินทางจากท่อนำไข่มาที่ผนังมดลูกและทำการฝังตัวจะอยู่ที่ 5-6 วัน หากไม่เกิดการฝังตัวที่ผนังมดลูก หรือผนังมดลูกไม่พร้อมที่จะฝังตัว ตัวอ่อนก็จะฝ่อจึงทำให้ไม่ตั้งครรภ์


สรุป

การปฏิสนธิจะเกิดขึ้นได้เซลล์สืบพันธุ์ทั้ง 2 จะต้องมีความสมบูรณ์ในช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อม โดยมีเวลาปฏิสนธิหลังจากไข่ตกภายใน 24 ชั่วโมง และเจริญเติบโต ไล่จากตัวอ่อนระยะ 1 วันจนไปถึงระยะ 5 วันที่พร้อมกับการฝังตัวที่โพรงมดลูก เมื่อฝังตัวสำเร็จจะเริ่มรับสารอาหารจากผนังมดลูกของแม่โดยตรง การตรวจตั้งครรภ์จะสามารถทำได้เร็วที่สุดคือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ