Skip to content

ทำ ICSI เด็กหลอดแก้วตรวจโครโมโซม NGS ดีไหม?


25 เมษายน 2025
บทความ

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการมีบุตร การตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญของกระบวนการขั้นตอนการทำ IVF หรือ ICSI เด็กหลอดแก้ว แพทย์จะเลือกตัวอ่อนก่อนย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก และการตรวจคัดกรองตัวอ่อนโครโมโซมแบบ Next Generation Sequencing (NGS) จะช่วยตรวจตัวอ่อนอย่างละเอียดในระดับโครโมโซมและระดับยีน กรองตัวอ่อนที่พันธุกรรมผิดปกติออกไป ซึ่งการรักษาแบบวิธี ICSI เด็กหลอดแก้วจนเลี้ยงตัวอ่อนถึงระยะ Blastocyst จะทำให้สามารถดึงเซลล์มาตรวจคัดกรอง NGS ของตัวอ่อน จะช่วยให้คู่สามีภรรยามีโอกาสเลือกตัวอ่อน ที่ปลอดภัยโครโมโซมปกติ ก่อนการย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก และยังช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ต่อรอบการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : เด็กหลอดแก้ว IVF ICSI คืออะไร

NGS คืออะไร?

Next-generation sequencing (NGS) คือ เทคโนโลยีการตรวจการเกินมาหรือขาดหายไป ของจำนวนโครโมโซม ซึ่งเป็นการลดปัญหาที่ตัวอ่อนไม่ฝังตัว การแท้งในช่วงสามเดือนแรก หรือการตั้งครรภ์โครโมโซมที่ผิดปกติ ทำให้ทารกมีความผิดปกติแต่กำเนิด การตรวจ NGS สามารถตรวจความผิดปกติของโครโมโชมได้ครอบคลุมทั้ง 23 โครโมโซมได้ในครั้งเดียว ด้วยความแม่นยำสูง และมีอัตราการเกิดการผิดพลาด (False positive rate) ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับเทคนิคอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถตรวจวิเคราะห์โรคทางพันธุกรรม ที่เกิดจากความผิดปกติของยีนได้อีกด้วย

NGS ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ในโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อช่วยในการวิจัย และวินิจฉัยโรคต่างๆ ทั้งความผิดปกติของตัวอ่อนก่อนเกิดการฝังตัวของทารกในครรภ์

NGS ตรวจอะไรได้บ้าง?

โดยปกติคนเราจะมีโครโมโซมจำนวน 46 แท่ง หรือ 23 คู่ หากเกิดความผิดปกติ เช่น จำนวนโครโมโซมขาดหรือเกินไป อาจส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความพิการในระบบต่างๆ ได้ โดยกลุ่มอาการที่เกิดจากจำนวนโครโมโซมผิดปกติที่พบบ่อย คือ กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ซึ่งเป็นภาวะที่มีโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง ทำให้เด็กกลุ่มดังกล่าวมีภาวะปัญญาอ่อนร่วมกับมีความพิการทางร่างกายหลายระบบ ตัวอย่างเช่น หัวใจพิการแต่กำเนิด ภาวะไทรอยด์บกพร่อง ส่วนกลุ่มอาการที่มีโครโมโซมคู่ที่ 13 หรือ 18 เกินมา เป็นกลุ่มอาการที่ทารกในครรภ์จะมีความพิการรุนแรงในหลายระบบ และทารกที่คลอดมาส่วนใหญ่มักมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหลังคลอด ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ทารกที่มีความผิดปกติของโครโมโซม มักพบอัตราการแท้งที่สูงกว่าทารกปกติ และการตรวจ NGS เป็นวิธีการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่เป็นขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการทำ ICSI (Intra Cytoplasmic Sperm Injection: ICSI) เทคโนโลยีการตรวจโครโมโซมของตัวอ่อนได้ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของโครโมโซม โดยการดึงกลุ่มเซลล์บางส่วนของตัวอ่อนระยะ 3 วัน (Cleavage Stage) หรือ 5 วัน (Blastocyst) ไปตรวจ ก่อนย้ายคืนสู่โพรงมดลูก โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อตรวจคัดกรองโรคดาวน์ซินโดรม, ตรวจคัดกรองโรคธารัสสิเมีย, ตรวจความสมบูรณ์ของโครโมโซมทั้ง 23 คู่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ

ข้อดีของการตรวจ NGS ตัวอ่อน?

  1. ทราบความผิดปกติของตัวอ่อนก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก

  2. ลดอัตราการยุติการตั้งครรภ์ ที่เกิดจากตัวอ่อนมีความผิดปกติ

  3. สามารถเลือกตัวอ่อนที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงได้

  4. เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สูงขึ้น

  5. ลดการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น

ใครควรตรวจ NGS ?

การตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว เป็นวิธีการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่เป็นขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว เหมาะสำหรับ

  1. ฝ่ายหญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี เริ่มเข้าข่ายมีบุตรยาก

  2. มีประวัติการแท้งบุตรหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ

  3. คนในครอบครัวมีประวัติการถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรม

  4. เคยทำ IUI/IVF /ICSI เด็กหลอดแก้ว หลายรอบไม่ประสบผลสำเร็จ

ถ้าคุณผู้หญิงท่านใดมีความกังวลใจสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Beyond IVF หรือจะแอดไลน์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @beyondivf

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ