ผู้ชายมีอาการหลั่งเร็ว ผิดปกติหรือไม่?
อาการหลั่งเร็ว (Premature ejaculation) หมายถึง การที่ฝ่ายชายไม่สามารถหน่วงเหนี่ยวการหลั่งน้ำอสุจิได้นานพอที่จะทำให้ฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งพบได้บ่อยถึงร้อยละ 30-40 ของชายวัยเจริญพันธุ์ และสร้างความเดือดร้อนทั้งกับตัวคุณผู้ชายเอง และรวมไปถึงคุณผู้หญิงที่เป็นคู่นอน อาจส่งผลให้เกิดเป็นปัญหาร้าวฉานทางความสัมพันธ์ตามมาอย่างมากมาย ถึงแม้โรคนี้จะเป็นกันมากในกลุ่มคุณผู้ชาย แต่กลับมีน้อยมากที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์แบบจริงๆจังๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะฝ่ายชายไม่ตระหนักถึงปัญหา และอายที่จะมาพบแพทย์ บางรายงานเชื่อว่าภาวะนี้อาจเป็นกันมากถึงร้อยละ 75 เลยทีเดียวก็เป็นได้
ใครบ้างที่ถือว่าหลั่งเร็ว?
เกณฑ์ในการวินิจฉัยอาการหลั่งเร็ว ยึดหลักสำคัญ 3 ประการได้แก่
- เกิดการหลั่งน้ำอสุจิ หลังจากมีการกระตุ้นทางเพศแต่เพียงเล็กน้อย โดยอาจเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการสอดใส่ หรือในขณะที่กำลังสอดใส่ หรือเพียงระยะเวลาสั้นๆ หลังการสอดใส่เท่านั้น
- ก่อให้เกิดปัญหาความหงุดหงิดอารมณ์ ไม่พึงพอใจอันกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส หรือ คู่นอน
- อาการหลั่งเร็วนี้ ต้องไม่เกิดจากผลของยาหรือสารเคมีบางชนิดที่ร่างกายได้รับ
สาเหตุของการหลั่งเร็ว?
แบ่งออกกว้างๆ ได้เป็น 2 สาเหตุ ทั้งปัญหาจากร่างกาย และจิตใจ
- โรคทางร่างกาย โดยเฉพาะที่ระบบประสาท ภาวะการอักเสบของต่อมลูกหมากในบางราย การที่ผิวหนังบริเวณปลายอวัยวะเพศไวต่อการกระตุ้นมากผิดปกติ รวมไปถึงอาจเป็นผลต่อเนื่องจากความบกพร่องในการแข็งตัวของอวัยวะเพศเอง ทำให้คนไข้หลั่งน้ำอสุจิเร็วเนื่องจากกลัวอวัยวะเพศจะอ่อนตัวก่อนถึงจุดสุดยอด เป็นต้น
- สาเหตุทางจิตใจ เช่น ความกลัวต่อช่องคลอด ความขัดแย้งทางจิตใจที่มีต่อคู่นอน ความวิตกกังวลและกลัวการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ที่หลั่งเร็วเพราะปัญหาทางจิตใจนั้นมักจะเป็นคนอายุน้อย จึงเชื่อว่าความสามารถในการควบคุมการหลั่งน้ำอสุจินั้นจะพัฒนาไปตามอายุ และประสบการณ์ทางเพศคล้ายกับภาวะปัสสาวะรดที่นอนในเด็ก ซึ่งจะหายไปเองเมื่ออายุมากขึ้น เพราะการควบคุมปัสสาวะพัฒนาดีขึ้นนั่นเอง
การรักษาอาการหลั่งเร็ว?
โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนไข้มีความอดทนในการหลั่ง หรือพยายามลดความรู้สึกที่ไวต่อสิ่งเร้าให้น้อยลง มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ดังนี้
- การรักษาเชิงพฤติกรรม โดยแนะนำวิธีปฏิบัติต่างๆ เช่น ให้หยุดการเคลื่อนไหวเป็นครั้งคราว ให้ถอนอวัยวะเพศออกจากช่องคลอดชั่วคราวแล้วใช้นิ้วบีบปลายอวัยวะเพศ ฝึกขมิบกล้ามเนื้อหูรูดคล้ายกับการกลั้นปัสสาวะ ให้สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไปเพื่อควบคุมการหลั่งน้ำอสุจิครั้งใหม่ให้ยาวนานขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนท่าทางขณะมีกิจกรรม ให้ฝ่ายชายอยู่ล่างหรือตะแคงจะดีกว่าท่าปกติที่ผู้ชายอยู่บน เพราะทำให้หลั่งอสุจิเร็วมากที่สุด แม้กระทั่งให้สวมถุงยางอนามัยก็อาจช่วยให้ดีขึ้นในบางราย
- โปรแกรมฝึกฝนซ้ำๆ ที่เรียกว่าเทคนิคการบีบตัวและหยุดพัก ซึ่งแนะนำว่าหลังจากเล้าโลมจนอวัยวะเพศตื่นตัวดีแล้ว ให้บีบปลายอวัยวะเพศให้แน่น 3-5 วินาที จากนั้นพัก 5-10 นาที จึงกระตุ้นใหม่อีก เพื่อฝึกความอดทนมากขึ้น จากนั้นจึงขยับสะโพกไปจนเสียวสุดจะทนไหวแล้วให้รีบถอนอวัยวะเพศใช้นิ้วบีบปลายองคชาตดังกล่าว ซึ่งนับว่าทรมานและซาดิสม์กับคุณผู้ชายเป็นอย่างมาก
- การใช้ยารับประทานและยาทาเฉพาะที่ ในกรณีที่ 2 วิธีแรกไม่ได้ผล จะรักษาโดยยารับประทานกลุ่มเดียวกับที่ใช้ในคนไข้ทางจิตและโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจให้ยารับประทานต่อเนื่องหรือเป็นครั้งคราว 3-4 ชั่วโมง ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ก็ได้ โดยอาจมีอาการข้างเคียงของยาคือ ปากแห้ง ง่วงซึม ท้องผูก หรือคลื่นไส้อาเจียน ได้บ้าง
แม้ว่าอาการหลั่งเร็วนั้น จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายสำหรับคุณผู้ชาย แต่ก็มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการดำเนินชีวิตคู่เป็นอย่างมาก และอาจส่งผลทำให้เกิดปัญหามีบุตรยากในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้นคุณผู้ชายที่ประสบปัญหาเหล่านี้จึงไม่ควรอาย แนะนำรีบพบแพทย์และแก้ไขปัญหาการรักษา
ขอบคุณข้อมูลจาก อาจารย์ พูนศักดิ์ สุชนวณิช
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook ท้องง่าย by หมอต้น