Skip to content

การท้องนอกมดลูก อาการที่คุณแม่ควรระวัง รู้ก่อน..ลดความเสี่ยง


30 มีนาคม 2025
บทความ

ภาวะการท้องนอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) เป็นอีกหนึ่งภาวะที่ผู้หญิงหลายๆคนไม่คาดคิดว่าตนจะได้เจอหรือเป็นภาวะนี้ เนื่องจากอาการในระยะเริ่มต้นจะคล้ายกับการตั้งครรภ์ทั่วไปจนคุณแม่อาจไม่ทันได้สังเกต วันนี้ทางเราจะมาอธิบายถึงภาวะการท้องนอกมดลูกว่าคืออะไร หากเป็นภาวะนี้จะมีอาการแบบไหนที่ทำให้ทราบว่ากำลังเผชิญกับภาวะนี้อยู่ และมีวิธีระวังหรือช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะนี้ไหม


ใคร ? ที่เสี่ยงเกิดการท้องนอกมดลูก ?

  • อาการท้องนอกมดลูกเกิดได้จากอะไร สามารถเกิดได้ในกรณีที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่มีอายุมากเคยมีประวัติการท้องนอกมดลูกมาก่อนหรือในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติบริเวณท่อนำไข่เคยมีประวัติของการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานเป็นต้น
  • ท้องนอกมดลูกมีวิธีการรักษาอย่างไร สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการใช้เคมีบำบัดเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์หรือเลือกใช้วิธีการผ่าตัดซ่อมท่อนำไข่หรือตัดท่อนำไข่ออก
  • ท้องนอกมดลูกป้องกันได้อย่างไร อาการท้องนอกมดลูกนั้นไม่สามารถควบคุมแต่ก็มีวิธีการปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงได้เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่มีความปลอดภัย รักษาสุขภาพร่างกายหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือขณะตั้งครรภ์ควรหมั่นสังเกตอาการตนเองหากมีอาการเลือดออกเป็นจำนวนมากควรรรีบพบแพทย์

การท้องนอกมดลูกคืออะไร

ท้องนอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) คือ ภาวะที่ตัวอ่อนไม่ได้ฝังตัวที่โพรงมดลูก แต่ตัวอ่อนไปฝังตัวที่บริเวณอื่นซึ่งมักจะเกิดขึ้นที่บริเวณท่อนำไข่ หรือปีกมดลูก ส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถเจริญเติบโตได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะก่อให้เกิดความเสียหายกับท่อนำไข่ และอาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตได้

ท้องนอกมดลูกเกิดจากสาเหตุใด

การท้องนอกมดลูก เกิดได้จากหลายหลายสาเหตุ ดังนี้

  • ท่อนำไข่มีลักษณะผิดรูป ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถเครื่องที่ไปฝังตัวที่โพรงมดลูกได้
  • อุ้งเชิงกรานอักเสบจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • มีรอยแผลและพังผืดจากการผ่าตัด
  • เคยมีประวัติการท้องนอกมดลูกมาก่อน
  • การทำหมันหรือการแก้หมันหญิง
  • การใช้ยาและการใช้ฮอร์โมน
  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในกระบวนการตั้งครรภ์
  • ตั้งครรภ์ช่วงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • การใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

การตรวจวินิจฉัยท้องนอกมดลูก

1. การซักประวัติ

แพทย์จะสอบถามประวัติเบื่องต้น เช่น มีประจำเดือนครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ มีโรคประจำตัวอะไรไหม ทานยาอะไรอยู่หรือเปล่า และครอบครัวมีใครเคยมีประวัติการท้องนอกมดลูกมาก่อนไหม

2. การตรวจภายใน

แพทย์จะทำการตรวจภายในโดยใช้อุปกรณ์สอดผ่านช่องคลอดเพื่อตรวจความผิดปกติ หรือตรวจบริเวณที่คุณผู้หญิงมีอาการปวดและบริเวณใกล้เคียงที่อาจพบความผิดปกติ เช่น ท่อนำไข่ รังไข่ เป็นต้น

3. การตรวจเลือดหาฮอร์โมน hCG และการตรวจอัลตร้าซาวด์

แพทย์จะเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจครรภ์ เมื่อฮอร์โมนบ่งบอกว่ามีการตั้งครรภ์ แพทย์จะทำการอัลตร้าซาวด์เพื่อหาตัวอ่อนที่ฝังตัวอยู่ในโพรงมดลูก หากตรวจไม่พบตัวอ่อนหรือร่องรอยของตัวอ่อน แพทย์จะวินิจฉัยว่าอาจเป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก


วิธีรักษาภาวะท้องนอกมดลูก

1. การรักษาด้วยใช้ยา

การใช้ยาโดยการใช้ยาเคมีบำบัด คือ ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ซึ่งเป็นยาที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ หากใช้ยาแล้วไม่มีการตอบสนองต่อการรักษา แพทย์จะพิจารณาให้เข้ารับการผ่าตัดต่อไป

2. การรักษาด้วยการผ่าตัด

การผ่าตัดแพทย์จะทำการกรีดท่อนำไข่ นำตัวอ่อนออกและเย็บซ่อมท่อนำไข่ วิธีนี้จะเป็นการรักษาท่อนำไข่ไว้แต่จะมีโอกาสเกิดตั้งครรภ์นอกมดลูกซ้ำ หรือการผ่าตัดท่อนำไข่ออก โดยวิธีการผ่าตัดแบ่งเป็น 2 วิธีคือ การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องและการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งการผ่าตัดส่องกล้องผู้ป่วยจะมีแผลเล็กกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง

3. การรักษาภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ

การรักษาภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ภาวะช็อคจากการเสียเลือดมาก อาจจะต้องรับเลือดทดแทน ภาวะอักเสบติดเชื้อ อาจต้องได้รับยาลดการอักเสบและยาปฏิชีวนะร่วมด้วย


วิธีป้องกันการท้องนอกมดลูก

ภาวะท้องนอกมดลูกเป็นภาวะที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่สามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อความเสียหายต่ออวัยวะในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ ที่จะนำไปสู่การท้องนอกมดลูกได้ คือ

  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง และไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการอักเสบติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน
  • ดูแลสุขภาพ ไม่สูบบุหรี่ เพราะผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่มีความเสี่ยงสูงในการท้องนอกมดลูกมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
  • คุณแม่ควรสังเกตอาการขณะตั้งครรภ์ โดยหากมีอาการปวดท้องมากเกินไป มีเลือดออกที่ช่องคลอดผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว


คำถามที่พบบ่อย

ท้องนอกมดลูก ตรวจครรภ์เจอไหม

หากท้องนอกมดลูก แล้วตรวจครรภ์จะขึ้น 2 ขีดปกติ เพราะการท้องนอกมดลูกถือเป็นการตั้งครรภ์ชนิดหนึ่ง แต่ตัวอ่อนจะไม่ได้ไปฝังตัวที่บริเวณโพรงมดลูกเท่านั้นเอง

ท้องนอกมดลูก สามารถเก็บลูกไว้ได้ไหม

หากท้องนอกมดลูกไม่สามารถเก็บลูกไว้ได้ เนื่องจากหากแพทย์ตรวจว่าเป็นการท้องนอกมดลูกแพทย์จะทำการรีบรักษาหรือผ่าตัดให้เร็วที่สุด เพื่อไม่เกิดอันตรายต่อคุณแม่นั่นเอง

ท้องนอกมดลูก แพ้ท้องไหม

ในภาวะของการท้องนอกมดลูกในระยะเริ่มต้น จะมีอาการแพ้ท้องเหมือนคนท้องปกติทั่วไป แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการตรวจเช็คก็จะทำให้อาการค่อยรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ท้องนอกมดลูกพบได้บ่อยแค่ไหน

สำหรับการท้องนอกมดลูกอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย มักจะเกิดกับคนที่ท่อนำไข่อุดตันและเกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการท้องนอกมดลูกได้ สำหรับครอบครัวใดที่อยากมีลูกและกำลังวางแผนในการมีลูก ควรตรวจสุขภาพทั้งภายนอกและภายใน เมื่อตรวจพบความผิดปกติจะได้รักษาได้ทันเสียก่อน


ข้อสรุป

การท้องนอกมดลูก คือ การที่ตัวอ่อนไม่ได้ไปฝังตัวที่โพรงมดลูก แต่กลับไปฝังตัวที่บริเวณท่อนำไข่ และส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถเจริญเติบโตได้ อาการเริ่มแรกจะเหมือนกับคนท้องทั่วไป เช่น ประจำเดือนขาด อาเจียน ปวดหัว เจ็บหน้าอก แต่หากปล่อยไว้อาการจะรุนแรงมากขึ้น เช่น มีเลือดไหลที่ช่องคลอดจำนวนมาก ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน หน้ามืด เป็นลม มีภาวะช็อค

หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ท่านไหนมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เมื่อตรวจพบว่ามีการท้องนอกมดลูกจริงๆแพทย์จะช่วยทำการรักษาได้ทันเวลา ทั้งนี้หากท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line : @beyondivf

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

ตรวจฮอร์โมน AMH เพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

Read the story
บทความ

แท้งมา 3 ครั้งยังมีโอกาสท้องได้อีกไหม ? ตอบถามโดย คุณหมอกิตติ ฉัตรตระกูลชัย

Read the story
บทความ

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด มีลูกได้ไหม? อาการ สาเหตุ วิธีการรักษา

Read the story
บทความ

กรดโฟลิก (Folic Acid) คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรกับคุณแม่ตั้งครรภ์?

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ