ผู้หญิงหลายๆคนอาจเคยได้ยินและเลือกใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 กันบ้างแล้ว ซึ่งหน้า 7 หลัง 7 จะเป็นระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แต่จริงๆแล้วการนับหน้า 7 หลัง 7 ไม่ได้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ยังสับสนกับวิธีการนับกันอยู่ว่าควรนับอย่างไร และที่บอกว่าระยะปลอดภัยคือช่วงวันไหน
ตอบคำถาม: คลายข้อสงสัย นับหน้า 7 หลัง 7 อย่างไร?
- วิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแบบเบื้องต้นที่ถือว่ามีความปลอดภัย โดยวิธีดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่เล็กน้อย
- โดยการนับวันหน้า 7 หลัง 7 สามารถนับได้โดยอิงจากการมีประเดือนในแต่ละรอบ
- หน้า 7 คือช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือน 7 วัน ส่วนหลัง 7 คือ 7 วันหลังจากวันแรกที่มีประจำเดือน
- ยกตัวอย่างให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้น เช่น นางสาว ก. ประจำเดือนมาวันแรกในวันที่ 18 มกราคม การจะนับหน้า 7 หลัง 7 นั้นจะมีการนับขึ้นไปหน้า 7 วันจากวันที่ 18 และนับลงไปอีก 7 วัน จากวันที่ 18
- หน้า 7 คือ วันที่ 11-17 มกราคม และ หลัง 7 คือ 18-25 มกราคม
- ฉะนั้นช่วงระยะที่ปลอดภัยที่นางสาว ก. สามารถมีเพศสัมพันธ์จากการนับวันหน้า 7 หลัง 7 ได้นั้น จะเป็นช่วงระยะเวลา 11-25 มกราคมนั่นเอง
หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร
การนับหน้า 7 หลัง 7 (Fertility Awareness Method: FAM) คือ วิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติโดยใช้หลักการหลีกเลี่ยงวันที่ไข่ตกเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ ซึ่งหน้า 7 หลัง 7 ถือว่าเป็นระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันหรือคุมกำเนิด เพราะในช่วงนี้มดลูกจะอยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์ จึงทำให้คู่ที่ยังไม่พร้อมมีลูก เลือกใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีนี้
โดยการนับหน้า 7 หลัง 7 สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
- หน้า 7 เป็นช่วงระยะเวลา 7 วันก่อนที่จะมีรอบเดือน
- หลัง 7 เป็นช่วงระยะเวลา 7 วันหลังจากวันแรกที่มีรอบเดือน
อย่างไรก็ตามการนับหน้า 7 หลัง 7 ก็เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ ที่เมื่อเทียบกับการคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ ที่มีการใช้อุปกรณ์ ยังถือว่ายังอยู่ในประสิทธิภาพที่ต่ำเป็นอย่างมาก หากใครที่ใช้วิธีการนับระยะปลอดภัย แล้วช่วงระยะเวลาการมีประจำเดือนที่คลาดเคลื่อนไปเพียงเล็กน้อย ประจำเดือนมาไม่ตรงตามที่กำหนด ก็สามารถเกิดโอกาสเสี่ยงตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
ข้อควรระวังในการนับหน้า 7 หลัง 7
สำหรับการคุมกำเนิดด้วยวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 เป็นวิธีการคุมกำเนิดแต่ก็ไม่ได้จะบอกว่าได้ผล 100% แถมยังไม่ได้ช่วยป้องกันโรคที่จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย สิ่งที่ควรระวังและเป็นข้อเสียของการคุมกำเนิดด้วยวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 มีดังนี้
- มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นอย่างมาก
- อาจเกิดการติดเชื้อหรือโรคจากการมีเพศสัมพันธ์
- ไม่เหมาะสมกับคนที่ประจำเดือนมาไม่ตรงกันในแต่ละรอบเดือน
สอนวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 อย่างถูกต้อง
วิธีนับหน้า 7 หลัง 7 อย่างไร ไม่ให้พลาด
หลายๆคนอาจจะยังสงสัยว่า แล้วตกลงหน้า 7 หลัง 7 นับกันยังไง มาดูวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 ที่ถูกต้องกัน
หน้า 7 คือ 7 วันก่อนที่ประจำเดือนมา เช่น สมมุติว่าประเดือนจะมาวันที่ 16 วันที่เป็นระยะปลอดภัย คือ 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15
หลัง 7 คือ 7 วันหลังจากประจำเดือนมาวันแรก เช่น สมมุติว่าประจำเดือนมาวันที่ 16 ให้นับวันที่ 16 เป็นวันที่ 1 และนับต่อไปให้ครบ 7 วัน คือ 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22
** วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอไม่คาดเคลื่อนเท่านั้น
ทำความรู้จัก ‘วันไข่ตก’
วันไข่ตก คือ เป็นกลไกธรรมชาติในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงที่เกิดขึ้นทุกเดือน โดยจะใช้เวลารอบละ 28 วัน ซึ่งจะให้ นับวันไข่ตก หลังจากประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 พอถึงวันที่ 14 จะเป็นวันที่ไข่ตกพอดี ซึ่งวันที่ไข่ตกจะเป็นวันที่ไข่ใบที่สุกที่สุดออกมาจากรังไข่ไปยังส่วนปลายของท่อนำไข่ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีโอกาสในการตั้งครรภ์สูงที่สุด
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: 7 สัญญาณบ่งชี้ อาการไข่ตก – ไข่ตกเมื่อไหร่ อาการเป็นอย่างไร
จดบันทึกช่วงรอบเดือนของตนเอง
การจดบันทึกจำนวนวันของรอบเดือนในแต่ละเดือน โดยจำเป็นจะต้องติดตามดูรอบเดือนอย่างน้อย 6-12 เดือน ซึ่งจะเริ่มนับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาจนถึงวันแรกของประจำเดือนรอบถัดไป เพื่อจะได้แน่ใจว่าในแต่ละเดือนประจำเดือนจะมาช่วงไหนและช่วงไหนสามารถคุมกำเนิดด้วยวิธีหน้า 7 หลัง 7 ได้
ข้อควรระวังในการนับหน้า 7 หลัง 7
สำหรับการคุมกำเนิดด้วยวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 เป็นวิธีการคุมกำเนิดแต่ก็ไม่ได้จะบอกว่าได้ผล 100% แถมยังไม่ได้ช่วยป้องกันโรคที่จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย สิ่งที่ควรระวังและเป็นข้อเสียของการคุมกำเนิดด้วยวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 มีดังนี้
มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นอย่างมาก
อาจเกิดการติดเชื้อหรือโรคจากการมีเพศสัมพันธ์
ไม่เหมาะสมกับคนที่ประจำเดือนมาไม่ตรงกันในแต่ละรอบเดือน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการนับหน้า 7 หลัง 7
นับหน้า 7 หลัง 7 ใช้ช่วยให้มีลูกได้ไหม
การนับหน้า 7 หลัง 7 ช่วยให้มีลูกได้ด้วยเช่นกัน โดยการนับหน้า 7 หลัง 7 จะช่วยให้เกิดการตั้งครรภ์ตามที่ผู้อยากมีลูกต้องการนั้น ควรเป็นการนับหน้า 7 หลัง 7 ที่มีการนับวันไข่ตกร่วมด้วย หากในช่วงที่นับหน้า 7 หลัง 7 เป็นช่วงที่ตรงกับวันไข่ตกพอดี ประกอบกับมีเพศสัมพันธ์ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว คู่รักที่วางแผนมีลูก ฝ่ายหญิงก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้
หากคุมกำเนิดด้วยวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 หลั่งนอก จะท้องไหม
อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าวิธีการคุมกำเนิดด้วยการนับหน้า 7 หลัง 7 ไม่ได้ช่วยป้องกันได้ 100% ในกรณีที่หลั่งนอกก็มีโอกาสท้องได้ เพราะในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ผู้ชายจะมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมาตลอดซึ่งในน้ำหล่อลื่นนั่นจะมีตัวอสุจิปนออกด้วย จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ถึงแม้จะหลั่งนอก
หากคุมกำเนิดด้วยวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 หลั่งใน จะท้องไหม
ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เพราะวันตกไข่ไม่แน่นอน ในระหว่างที่นับอาจจะมีการคลาดเคลื่อนซึ่งสามารถส่งผลให้ตั้งครรภ์ได้
หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือน จะท้องหรือไม่
มีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือนจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่แนะนำเพราะเป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด สามารถเกิดการอักเสบและติดเชื้อในฝ่ายหญิง หรือติดโรคได้ง่ายอาจลุกลามกลายเป็นโรคร้ายแรง
สรุป
การนับหน้า 7 หลัง 7 ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่าการกินยาคุม ฉีดยาคุม หรือฝั่งยาคุม แนะนำว่าเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันร่วมกับการนับ หน้า 7 หลัง 7 เพื่อควบคุมการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม
สำหรับผู้ที่อยากมีลูก วางแผนครอบครัว เตรียมตัวมีบุตร สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Beyond IVF หรือแอดไลน์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @beyondivf
Fertility Awareness Methods | Natural Birth Control. (n.d.). plannedparenthood. https://www.plannedparenthood.org/learn/birth-control/fertility-awareness
Fertility Awareness-Based Methods of Family Planning. (n.d.). ACOG. https://www.acog.org/womens-health/faqs/fertility-awareness-based-methods-of-family-planning
Natural Family Planning: Fertility Awareness Method. American Pregnancy Association. https://americanpregnancy.org/getting-pregnant/natural-family-planning/