Skip to content

เลือดล้างหน้าเด็ก มาตอนไหน? สัญญาณเตือนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้


27 มีนาคม 2025
บทความ

เลือดล้างหน้าเด็ก อาการที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่มือใหม่หลายๆคน บางคนก็บอกว่ามันคือสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ แต่กับคนบางกลุ่มที่ยังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ อาจเป็นที่สงสัยกันมากว่า ความจริงแล้วเลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร แตกต่างกับประจำเดือนอย่างไร หากเกิดอาการเลือดล้างหน้าเด็กแล้วต้องทำอย่างไร จะเป็นอันตรายหรือเปล่า?

ตอบคำถาม: เลือดล้างหน้าเด็ก คืออะไร?

  • เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation Bleeding) คือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่องคลอดเพียงเล็กน้อยในช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมาในรอบถัดไป
  • เลือดล้างหน้าเด็ก นับเป็นสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมีเลือดล้างหน้าเด็กเสมอไป
  • สีของเลือดล้างหน้าเด็กจะจางกว่าสีเลือดปกติ หรืออาจมีสีน้ำตาล และมักจะมาเพียงแค่ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น เมื่อเทียบกับประจำเดือนที่จะมีเลือดออกค่อนข้างมาก และใช้เวลากว่า 3-7 วัน


เลือดล้างหน้าเด็ก คืออะไร

เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding) หรือ เลือดล้างหน้า คือ สัญญาณเตือนเตรียมตั้งครรภ์อีกอย่างหนึ่ง จะเกิดขึ้นเฉพาะกับคุณแม่บางคนเท่านั้น ไม่ใช่คุณแม่ทุกคนที่จะเจอกับอาการนี้ ซึ่งเลือดล้างหน้าเด็กจะเป็นเลือดจางๆ ที่ออกมาจากทางช่องคลอด มักจะมาก่อน 1 สัปดาห์ หรือใกล้เคียงกับประจำเดือนรอบถัดไป อาการเลือดล้างหน้าเด็กนี้จะอยู่ประมาณ 1 – 2 วัน เท่านั้น แล้วจะหยุดไปเอง


เลือดล้างหน้าเด็ก มาตอนไหน

เลือดล้างหน้าเด็กจะเกิดขึ้นหลังการปฏิสนธิของไข่และอสุจิประมาณ 7-9 วัน เราจะเห็นได้ว่าภาวะนี้เกิดขึ้นก่อนที่ประจำเดือนจะขาดประมาณ 1 สัปดาห์ เลือดที่ออกมาจะมีลักษณะแตกต่างจากประจำเดือนปกติ คือจะมีลักษณะเป็นสีชมพูออกมาเพียงเล็กน้อย หรือเป็นประจําเดือนสีน้ําตาล กระปิดกระปอย อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งไม่ได้เกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางคนอาจไม่มีอาการนี้


เลือดล้างหน้าเด็ก มีอาการอย่างไร

สัญญาณเตือนว่าตอนนี้คุณแม่มีอาการเลือดล้างหน้าเด็กมีอะไรบ้าง

  • เลือดหยดกะปริดกะปรอยติดชุดชั้นใน มีสีชมพูอ่อน หรือสีน้ำตาล
  • อาจมีอาการปวดท้องเล็กน้อย

นอกจากอาการดังกล่าว หากเลือดที่ไหลออกจากช่องคลอดคือเลือดล้างหน้าเด็ก ก็มักจะมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย

  • รู้สึกเหนื่อย ปวดหัวเล็กน้อย
  • มีอาการอาเจียน จากการแพ้ท้อง
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย
  • ปัสสาวะมากกว่าปกติ
  • เต้านม หรือ หัวนมบวมขึ้น

เลือดล้างหน้าเด็ก อันตรายไหม

เลือดล้างหน้าเด็ก หรือเลือดล้างหน้า เป็นอาการที่ไม่อันตราย และจะมีอาการเพียง 1-2 วันเท่านั้น แต่หากมีเลือดออกติดต่อกันเกินกว่า 2 วัน และมีปริมาณมากกับสีของเลือดผิดปกติ คือเลือดออกมากหรือเลือดเป็นลิ่ม สีของเลือดมีสีแดงสดแทนที่จะเป็นสีชมพูหรือสีน้ำตาลก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในมดลูก หรือเป็นอาการที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ เช่น การแท้ง หรือการตั้งครรรภ์นอกมดลูก การเลือดออกไม่ได้มีเพียงอาการเลือดล้างหน้า เท่านั้น เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อย

เลือดล้างหน้าเด็ก ตรวจครรภ์เจอไหม

การตรวจการตั้งครรภ์หลังพบว่ามีเลือดล้างหน้าเด็ก สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ แต่ควรรอประมาณ 1 สัปดาห์หรือหลังจากพบเลือดล้างเด็ก 1 เดือน แล้วจึงทำการตรวจ เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่แน่นอน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจการตั้งครรภ์จะแม่นยำที่สุด

หากมีเลือดล้างหน้าเด็ก จะมีอาการตกขาวร่วมด้วยไหม

หากมีเลือดล้างหน้าเด็ก ก็เป็นไปได้ว่ามีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ ส่วนการมีตกขาวหรือมูกไข่ตกร่วมด้วย ซึ่งตกขาวมักจะมาก่อน ระหว่าง หรือหลังการมีรอบเดือน ซึ่งผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ก็ยังสามารถมีตกขาวได้

เลือดล้างหน้า มาตอนท้องกี่เดือน

เลือดล้างหน้าเด็กจะมาหลังการปฏิสนธิของไข่และอสุจิประมาณ 7-9 วัน ซึ่งจะเป็นช่วงก่อนที่ประจำเดือนรอบถัดไปจะมาประมาณ 1 สัปดาห์

เลือดล้างหน้า มาเยอะสุดกี่วัน

ระยะเวลาที่เลือดออก เลือดล้างหน้าจะอยู่นานแค่ 1-2 วัน ขณะที่ประจำเดือนจะเป็นนาน 3-5 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน

เลือดล้างหน้า ปวดท้องไหม

อาการเลือดล้างหน้าเป็นเพียงอาการเล็ก ๆ ที่สามารถบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ได้ ในบางรายอาจจะมีอาการปวดท้องเล็ก ๆ ร่วมด้วยซึ่งไม่ควรมีอาการที่มากเกินไป ระดับความรุนแรงจะคล้ายแค่ปวดเบาเวลามีประจำเดือนเท่านั้น

เลือดล้างหน้ามาตอนไหน

เลือดล้างหน้าจะมาตอนที่ตัวอ่อนมีการฝังตัวในโพรงมดลูกของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติแล้วเกิดเป็นตัวอ่อน หรือการรักษามีบุตรยากแบบ IVF ICSI IUI ก็ตาม แต่ทั้งนี้เลือดล้างหน้าเด็กอาจไม่ได้พบเจอกับทุกราย

เลือดล้างหน้ามีกลิ่นหรือไม่

กลิ่นของเลือดล้างหน้าจะคล้ายกับประจำเดือน คือ ไม่ควรมีกลิ่นที่รุนแรง อาจมีเพียงกลิ่นคาวเลือดปกติในระดับที่น้อยเพราะมีปริมาณเลือดที่ไหลมีไม่มาก หากเกินกลิ่นที่รุนแรงหรือกลิ่นที่ชัดเจนเกินไป เช่น เหม็นน้ำคาวปลา หรือผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจดูความปกติ


ข้อสรุป

เลือดล้างหน้าคือ สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนประจำเดือนในรอบถัดไปมาประมาณ 1 สัปดาห์ เลือดล้างหน้าเด็กไม่มีอันตรายใดๆและจะมาเพียง 1-2 วันเท่านั้น เมื่อคุณแม่แน่ใจว่ามีเลือดล้างหน้าเด็กไหลออกมาให้ลองตรงการตั้งครรภ์ แต่หากต้องการความแม่นยำแนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจการตั้งครรภ์ให้อย่างละเอียด ทั้งนี้หากคุณแม่ท่านไหนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line : @beyondivf

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

ตรวจฮอร์โมน AMH เพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

Read the story
บทความ

แท้งมา 3 ครั้งยังมีโอกาสท้องได้อีกไหม ? ตอบถามโดย คุณหมอกิตติ ฉัตรตระกูลชัย

Read the story
บทความ

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด มีลูกได้ไหม? อาการ สาเหตุ วิธีการรักษา

Read the story
บทความ

กรดโฟลิก (Folic Acid) คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรกับคุณแม่ตั้งครรภ์?

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ