ปวดท้องเมนส์รุนแรง

อาการปวดท้องเมนส์ (dysmenorrhea) เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงในวัยมีประจำเดือน ซึ่งในวันนั้นของเดือนจะมีอาการปวดท้องหน่วง ๆ เพียงเล็กน้อย แต่หากมีอาการปวดท้องเมนส์รุนแรง นั้นอาจเป็นสัญญานที่ไม่ดีนัก ดังนั้น วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยถึงสาเหตุของอาการปวดท้องเมนส์อย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึงบอกวิธีรับมือและหาแนวทางในการรักษา

Table of Contents

ปวดท้องเมนส์รุนแรง

อาการปวดท้องเมนส์รุนแรง นั้นจะมีอาการปวดเกร็งบริเวณท้องน้อยในช่วงมีประจำเดือนอย่างรุนแรงมากกว่าปกติ  พบว่าคนไข้บางรายนั้นเริ่มปวดก่อนเป็นประจำเดือนหรืออยู่ในช่วงหมดประจำเดือนไปแล้วก็ยังมีอาการอยู่ แม้ว่าจะทานยาไปแล้วก็ช่วยบรรเทาอาการได้เพียงเล็กน้อย ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในช่วงมีรอบเดือนเป็นอย่างมาก

อาการปวดท้องประจำเดือนปกติ

อาการปวดท้องประจำเดือนจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1-3 ของรอบเดือน มีอาการปวดเกร็งหรือปวดหน่วงๆบริเวณท้องน้อยแต่ไม่มากนัก เป็นผลมาจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก รวมถึงมักจะพบอาการปวดหลัง ปวดศรีษะ ท้องเสีย ท้องอืด ร่วมด้วยเช่นกัน

ปวดท้องเมนส์รุนแรง อาการเป็นอย่างไร

อาการปวดท้องเมนส์รุนแรง
  • ปวดท้องเมนส์จนนอนไม่ได้
  • ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
  • มีไข้ อ่อนเพลีย ในช่วงเป็นประจำเดือน
  • อาการยังไม่ดีขึ้นแม้ทานยาแก้ปวด
  • คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
  • ตกขาวมีความผิดปกติ เช่น มีอาการคันหรือระคายเคือง กลิ่น และสี ที่แปลกไป

หากสังเกตุและรู้สึกว่าตนเองมีอาการดังนี้ ควรรีบไปพบแพทย์

ปวดท้องเมนส์รุนแรงเกิดจากสาเหตุอะไร

อาการปวดท้องเมนส์รุนแรง อาจเกิดจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก โดยมีสารเคมีที่หลั่งออกมาตอนมีประจำเดือน คือ  Prostaglandin (โพรสตาแกลนดิน) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ที่ทำให้ระดับเลือดและออกซิเจนหล่อเลี้ยงมดลูกไม่เพียงพอ ส่งผลให้ช่วงมีประจำเดือนเกิดอาการปวดท้องเมนส์ได้อย่างเฉียบพลันและรุนแรง

อาการปวดท้องเมนส์รุนแรง นั้นยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่พบว่าบุคคลที่มีปัจจัยเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดท้องตอนมีประจำเดือนได้มากกว่าคนทั่วไป

  • ผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วง 20-30 ปี
  • ผู้มีประจำเดือนตอนอายุยังน้อย
  • ผู้ที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • ผู้ที่ยังไม่เคยผ่านการมีลูก
  • สูบบุหรี่
  • ครอบครัวมีประวัติการปวดท้องประจำเดือน

ฮอร์โมน Prostaglandin นั้นพบว่าจะเพิ่มขึ้นก่อนช่วงมีประจำเดือน มดลูกจึงเกิดการบีบตัว ทำให้มีอาการปวดและอักเสบ ตามระดับของสารเคมีที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย นอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้วยังพบว่าอาการปวดท้องเมนส์รุนแรงนั้นอาจเป็นสัญญานที่นำไปสู่การตรวจพบโรคต่าง ๆ เช่น  เนื้องอกในโพรงมดลูก พังผืดในช่องท้อง ปากมดลูกตีบ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชินกราน รวมถึงสาเหตุที่มาจากโครงสร้างช่องคลอดอีกด้วย

ปวดท้องเมนส์รุนแรง สัญญาณเตือนโรคที่ไม่ควรมองข้าม

อาการปวดท้องเมนส์รุนแรงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม เพราะสิ่งนี้อาจเป็นสัญญานของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนเร้นอยู่

1. ความผิดปกติของโครงสร้างช่องทางคลอด

ภาวะมดลูกมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น การมีผนังกั้นแบ่งในช่องคลอดหรือการเจริญเติบโตของมดลูกที่มีความผิดปกติ ส่งผลให้คนไข้มักจะมีอาการเลือดออกจากช่องคลอดมากจนเกินไป ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน

2. พังพืดในช่องท้อง

พังผืดในช่องท้อง ส่วนใหญ่มักพบว่าอยู่บริเวณอุ้งเชินกราน เช่น ท่อรังไข่ ปีกมดลูก หรือเกิดจากการผ่าตัดมดลูก ผนังหน้าท้อง ทำให้ร่างกายมีการสร้างผังผืด จนส่งผลให้มีอาการปัสสาวะอักเสบและปวดท้องขณะมีประจำเดือนเกิดขึ้นได้

3. ปากมดลูกตีบ

ปากมดลูกตีบ มีสาเหตุเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น

  • เป็นตั้งแต่กำเนิด
  • เข้าสู่วัยทอง ปากมดลูกขาดความยืดหยุ่น เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้ปากมดลูกตีบลงได้
  • ปากมดลูกอักเสบ จนเกิดผังผืดทำให้ปากมดลูกมีขนาดแคบลง
  • ปากมดลูกฉีกขาด เกิดการฉีกขาดจนทำให้มีผังผืดมาบดบังบริเวณปากมดลูก
  • มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสตรี เซล์เจริญผิดที่จนบดบังบริเวณปากมดลูก

ปากมดลูกตีบยังถูกพบว่า สามารถส่งผลทำให้เวลามีรอบเดือนจะรู้สึกปวดท้องเมนส์รุนแรง เลือดประจำเดือนไหลไม่สะดวกหรือเลือดไหลออกมาแบบกระปริดกระปอย

4. เนื้องอกมดลูกชนิดใต้เยื่อบุโพรงมดลูก

เนื้องอกมดลูกชนิดใต้เยื่อบุโพรงมดลูก เนื้องอกชนิดนี้จะอยู่บริเวณกล้ามเนื้อใต้เยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้โพรงมดลูกมีพื้นผิวไม่เรียบ ส่งผลให้เกิดอาการเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดกระปอย และปวดท้องเมนส์รุนแรงได้

5. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สาเหตุหลักเกิดได้จากการที่เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับผ่านท่อนำไข่เข้าสู่บริเวณอุ้งเชินกราน แทนที่จะไหลออกจากร่างกาย ทำให้เซล์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เนื่องจากไปเติบโตบริเวณอื่นนอกเหนือจากโพรงมดลูก ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องเมนส์รุนแรงหรือประจำเดือนมามากผิดปกติ

6. ติดเชื้ออักเสบในอุ้งเชิงกราน

ติดเชื้ออักเสบในอุ้งเชิงกราน มีสาเหตุเกิดจาการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุของเพศหญิง เช่น ปากมดลูก รังไข่ ท่อนำรังไข่ จนเกิดการอักเสบ ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดหรืออาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงตามมา

ปวดท้องเมนส์รุนแรง อันตรายไหม เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

หากคุณมีอาการปวดท้องเมนส์รุนแรงในระหว่างมีประจำเดือน นั้นอาจบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็มีโอกาสที่จะนำไปสู่การติดเชื้อ ซึ่งถือว่าอันตรายแนะว่าหากมีอาการควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและเข้ารับการรักษา

การวินิจฉัยอาการปวดท้องเมนส์รุนแรง

ขั้นตอนการนัดปรึกษาแพทย์ แพทย์เริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุดังนี้

1. การซักประวัติ

ปวดท้องเมนส์รุนแรงเกิดจากอะไร

แพทย์ซักประวัติว่ามีอาการปวดท้องประจำเดือนแบบใด มีระดับความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน สามารถแบ่งได้ 2 แบบ

  • แบบปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea) ปวดแค่ช่วงตอนมีประจำเดือน ใช้เวลาประมาณ 12-72 ชั่วโมง อาการก็จะทุเลาลง มักพบในกลุ่มคนที่มีอายุน้อย
  • แบบทุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea) อาการปวดส่วนใหญ่จะเริ่มก่อนเป็นประจำเดือน แม้ประจำเดือนจะหมดไปแล้วก็ยังพบว่ามีอาการปวดอยู่ และมักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเวลาอื่นร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นสัญญานจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกโนโพรงมดลูก เป็นต้น

2. การตรวจภายใน

ปวดท้องเมนส์จะปวดแบบไหน

ตรวจภายใน เพื่อดูความผิดปกติ บริเวณ ผนังช่องคลอด โพรงมดลูก จะต้องไม่มีผังผืดมาหดรั้ง ไม่มีความผิดปกติของตกขาว  ไม่มีอาการเจ็บหรือไม่พบก้อนบริเวณปีกมดลูก จากนั้นแพทย์จะนำอุปกรณ์เก็บเซลล์ ไปตรวจหาเชื้อมะเร็งปากมดลูกในแล็บต่อเพื่อแจ้งผล หากปวดท้องเมนส์รุนแรงขณะมีประจำเดือนก็สามารถเข้าตรวจกับแพทย์ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องรอประจำเดือนหมดก่อน

3. การตรวจอัลตราซาวน์

ปวดท้องเมนส์ ปกติไหม

อัลตร้าซาวด์บริเวณท้องน้อย เป็นการอัลตร้าซาวด์ส่วนบนด้วยการใช้คลื่นเสียงสะท้อนให้เกิดภาพ ตรวจดูอวัยวะบริเวณ ปากมดลูก ช่องคลอด ว่าพบความผิดปกติใดหรือไม่ เช่น เนื้องอกในโพรงมดลูก

4. การส่องกล้องโพรงมดลูก

ปวดท้องเมนส์มาก

ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ส่องผ่านบริเวณปากมดลูก เพื่อตรวจดูความผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เนื้องอกในโพรงมดลูก ข้อดีของวิธีนี้ คือ เจ็บน้อย และปลอดภัย

วิธีรักษาอาการปวดท้องเมนส์รุนแรง

ปวดท้องเมนส์รุนแรง รักษา

เมื่อได้รับการวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะประเมินและวางแผนการรักษาอาการปวดท้องเมนส์รุนแรง ให้กับคนไข้เป็นรายบุคลตามระดับความรุนแรงของอาการ

1. รักษาแบบไม่ใช้ยา

  • ประคบร้อน ใช้ถุงน้ำร้อนประคบลงบริเวณท้องน้อย เนื่องจากความร้อนจะช่วยให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลายมากขึ้น จึงทำให้อาการปวดท้องทุเลาลงได้
  • นวดบริเวณท้องน้อยเบา ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • จิบน้ำอุ่นเพื่อเพิ่่มความอบอุ่นให้ร่างกายระหว่างวัน ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้
  • ออกกำลังกาย หลายคนอาจมีความคิดว่าการออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือนไม่ดี ที่จริงเเล้วหากได้ออกกำลังกายเบา ๆ แบบพอเหมาะ จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร Endorphins ออกมา ช่วยปรับอารมณ์ที่แปรปรวนและช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้

2. รักษาด้วยยา

  • กลุ่มยาแก้ปวดลดการอักเสบ ชนิด (NSAIDs)
  • กลุ่มยา COX-2 selective NSAIDs เหมาะกับคนไข้โรคกระเพาะ
  • ยาพาราเซตามอล

3. รักษาด้วยการผ่าตัด

หากแพทย์ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่า อาการปวดท้องเมนส์รุนแรงนั้นมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น เนื้องอกในมดลูกขนาดใหญ่กว่า 4-5เซนติเมตร มีติ่งเนื้อในมดลูก เลือกออกในบริเวณเยื้อบุโพรงมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ หรือมีผังผืดเกาะในช่องท้อง เป็นต้น เมื่อแพทย์พิจรณาแล้วแม้ว่าคนไข้จะได้รับประทานยาไปแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น จึงจำเป็นจะต้องวางแผนการรักษาอื่นให้คนไข้ เช่น การรักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาด้วยการผ่าตัดมีด้วยกันอยู่ 2 วิธี

  • การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง คือ การกรีดแผลบริเวณหน้าท้องเพื่อรักษา วิธีนี้มีความจำเป็นที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น
  • การผ่าตัดส่องกล้อง คือ การส่องกล้องเข้าไปในช่องท้องหรือโพรงมดลูกเพื่อผ่าตัดรักษา วิธีนี้จะทำให้คนไข้เสียเลือดน้อย แผลเล็กและหายไว และใช้เวลาพักพื้นไม่นาน

ภาวะปวดท้องเมนส์รุนแรงกับปัญหาผู้มีบุตรยาก

อย่างที่ทราบกันว่า อาการปวดท้องเมนส์รุนแรง นั้นมีสาเหตุมาจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก โดยมีสารเคมีที่ชื่อว่า Prostaglandin (โพรสตาแกลนดิน) เป็นส่วนประกอบในการกระตุ้นการบีบตัว นอกจากนี้อาการปวดท้องเมนส์อย่างรุนแรงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้เกิด ภาวะมีบุตรยาก ตามมา เช่น

  • ภาวะถุงน้ำในรังไข่ หรือ PCOS เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในรังไข่ในช่วงไข่ตก ทำให้การทำงานของรังไข่มีความผิดปกติ  มีภาวะไข่ไม่ตก อสุจิจึงไม่สามารถไปผสมกับไข่ได้ ส่งผลให้มีบุตรยาก คนไข้มักจะมีอาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาเยอะ หรือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทำให้มีอาการปวดท้องน้อย หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้มีบุตรยากได้ในอนาคต
  • ปากมดลูกตีบ เกิดจากความผิดปกติบริเวณระบบสืบพันธ์ุ นอกจากจะทำให้มีอาการปวดท้องเมนส์รุนแรงแล้ว ยังเป็นสาเหตุของการมีบุตรยาก เนื่องจากอสุจิไม่สามารถเดินทางเข้าไปผสมกับไข่ได้

ในปัจจุบันแม้ว่าจะมีบุคคลหลายท่านต้องประสบกับปัญหาสุขภาพเหล่านี้  ก็ยังสามารถมีบุตรได้ด้วยการพึ่งเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่จะช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีด้วยกัน 2 วิธี

  • การฉีดกระตุ้นไข่ตก IUI คือ การคัดเชื้ออสุจิที่มีคุณภาพฉีดกลับเข้าไปยังโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงในช่วงที่มีการตกไข่ ซึ่งจะทำให้อสุจิผสมกับเซลล์ไข่ได้มากกว่าการผสมเองตามธรมมชาติ
  • การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ การทำ ICSI คือ การคัดเซลล์ไข่ 1 ใบ และ อสุจิ 1 ตัวที่แข็งแรง มาผสมกันภายนอกในห้องแล็บจนเกิดเป็นตัวอ่อนระยะ Blastocys จากนั้นจึงนำตัวอ่อนย้ายกลับเข้าไปยังโพรงมดลูก จนเกิดการตั้งครรภ์ตามปกติต่อไป

วิธีป้องกันและบรรเทาอาการปวดท้องเมนส์รุนแรง

แม้ว่าอาการปวดท้องเมนส์รุนแรงของผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่สามารควบคุมได้ นอกจากการรับประทานยาแก้ปวดแล้ว เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้นได้ง่าย ๆ ดังนี้

  • รับประทานผักและผลไม้ ในกลุ่มที่มีแมกนีเซียม เช่น อะโวคาโด กล้วย มะละกอ บรอกโคลี ตำลึง จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ เพราะแมกนีเซียมมีส่วนช่วยคลายกล้ามเนื้อ
  • จิบน้ำอุ่น ช่วยปรับอุณหาภูมิในร่างกายให้มีความอบอุ่น จะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนระหว่างวันได้
  • นวดคลึงท้องน้อย การนวดเบา ๆ ระหว่างวันจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายได้ ความปวดจึงทุเลาลง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

ข้อสรุป

อาการปวดท้องเมนส์รุนแรง เกิดจากการที่กล้ามเนื้อมดลูกมีการบีบตัว ส่งผลมีอาการปวดเกร็งบริเวณท้องน้อย หากสังเกตุว่าตนเองมีระดับการปวดท้องเมนส์ที่มากผิดปกตินั้นไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะนี่อาจเป็นสัญญานที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพ เช่น การติดเชื้อ เนื้องอกในโพรงมดลูก หรือภาวะถุงน้ำในรังไข่  และบางโรคอาจนำไปสู่สาเหตุของการมีบุตรยากตามมา ดังนั้นหากพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายวินิจฉัยหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้หากท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @BeyondIVF