Skip to content

หยุดกินยาคุม กี่วันท้อง กี่วันไข่ตก กลับมามีลูกได้เหมือนเดิม


30 มีนาคม 2025
บทความ

เมื่อถึงเวลาที่พร้อม สามีภรรยาหลาย ๆ คู่ก็เริ่มที่จะอยากมีลูกเพื่อมาเติมเต็มคำว่าครอบครัว แล้วกว่าจะพร้อมหลาย ๆ ท่านก็มีการคุมกำเนิดกันมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันที่พร้อม แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลิกกินยาคุมบางท่านอาจกังวลว่าถ้าเลิกกินยาคุมแล้วจะท้องได้เลยไหม หรือต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะท้องได้สำเร็จ

ในบทความนี้ BeyondIVF จะพาทุกท่านไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับหยุดกินยาคุม กี่วันถึงจะท้อง กี่วันถึงจะสามารถมีลูกได้ พร้อมสาระอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมายที่ผู้ที่อยากมีลูกไม่ควรพลาด

ตอบคำถาม: อยากมีลูกต้องรู้ หยุดกินยาคุม กี่วันท้อง?

  • โดยปกติแล้วการหยุดรับประทานยาคุมเมื่อมีความพร้อม และวางแผนจะมีลูกในอนาคต สามารถหยุดรับประทานได้ทันที
  • อย่างไรก็ตามการหยุดใช้ยาคุมช่วงแรกจะเป็นระยะที่ร่างกายกำลังปรับตัว และประจำเดือนอาจจะยังไม่ได้กลับมามีปกติทันที
  • ร่างกายจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือนในการกลับเข้าสู่สภาพปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดยาคุมที่ใช้ด้วย และจะเริ่มกลับมามีประจำเดือน อย่างไรก็ตามจะใช้ระยะเวลามากสุดไม่เกิน 1 ปี
  • ท่านใดที่มีเพศสัมพันธ์และมีการหลั่งในเพื่อต้องการให้มีบุตร หากในช่วงที่หยุดกินยาคุมแล้วประจำเดือนยังไม่มา ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เพื่อความมั่นใจได้เลย

เช็กให้ชัวร์ หยุดกินยาคุม กี่วันท้อง

สงสัยไหม หยุดกินยาคุม กี่วันท้อง? ในความเป็นจริงแล้วเมื่อหยุดกินยาคุม ในช่วงแรกร่างกายจะใช้ระยะเวลาในการปรับตัวเพื่อกลับเข้าสู่สภาวะปกติประมาณ 1-3 เดือน แต่จะไม่เกินระยะเวลา 1 ปี และเมื่อร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้วจึงจะเริ่มกลับมามีประเดือนตามปกติ และมีไข่ตกอีกครั้ง

โดยในช่วงที่มีการหยุดกินยาคุมไปแล้วเรียบร้อย ร่างกายกลับมามีไข่ตกตรงกับช่วงที่มีเพศสัมพันธ์พอดี ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ หรือในกรณีที่หลังจากหยุดกินยาคุมไปแล้วแต่ยังคงมีเพศสัมพันธ์เรื่อย ๆ ประกอบกับการขาดประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำว่าควรซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจให้ชัวร์ว่าตั้งครรภ์หรือไม่

อยากมีลูก ควรหยุดควรกำเนิดเมื่อไหร่

  • หยุดกินยาคุม กี่วันท้อง ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดหลังจากหยุดกินจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 เดือน หรือมากสุดไม่เกิน 1 ปี
  • เลิกฉีดยาคุมกี่เดือนท้อง หลังจากเลิกฉีดสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 10 เดือน หรือไม่เกิน 18 เดือน
  • แผ่นแปะคุมกำเนิด หลังจากเลิกแปะสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ภายใน 1-3 เดือน
  • วงแหวนคุมกำเนิด หลังจากนำวงแหวนออกสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ภายใน 1-3 เดือน
  • ห่วงคุมกำเนิด (IUD) หลังจากนำห่วงคุมกำเนิดออกสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ภายใน 1 ปี
  • ยาฝังคุมกำเนิด เมื่อนำหลอดที่ฝังออกสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ภายใน 1 ปี

หยุดกินยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มา ส่งผลต่อการมีลูกไหม

หากหยุดกินยาคุม หรือหยุดคุมกำเนิดแล้วประจำเดือนยังไม่มาตามปกติ ส่งผลต่อการมีลูก เพราะหลังจากหยุดกินยาคุมร่างกายจะใช้เวลาในการปรับตัวอยู่ที่ 2-3 เดือนเพื่อให้เกิดการตกไข่อีกครั้ง ทั้งนี้ถ้าหยุดกินยาคุมมานานแล้วประจำเดือนยังไม่มาแสดงว่ารังไข่ไม่มีการสร้างเซลล์ไข่จึงไม่มีการตกไข่ เมื่อมีเพศสัมพันธ์กันอสุจิก็ไม่สามารถว่ายมาเจอเซลล์ไข่ได้


ถ้าท้องแล้วกินยาคุม อันตรายไหม

กินยาคุมตอนท้องลูกจะพิการไหม

ในปัจจุบันยังไม่มีผลวิจัยที่ชัดเจนว่าการรับประทานยาคุม ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินหรือยาคุมเนิดแบบธรรมดาจะส่งผลให้ลูกในครรภ์พิการได้ หากคุณแม่คนไหนยังไม่รู้ตัวว่าตนเองท้อง แล้วรับประทานยาคุมในช่วงนั้นพอดีสามารถเบาใจเกี่ยวกับข้อสงสัยนี้ได้เลย

กินยาคุมตอนท้องทำให้แท้งลูกจริงไหม

เมื่อเรากินยาคุมจะมีผลต่อร่างกาย คือ มดลูกมีเมือกมากขึ้น ขัดขวางการเคลื่อนที่ของอสุจิไม่ให้สามารถไปผสมกับเซลล์ไข่ได้ และยังมีผลทำให้ผนังมดลูกบาง ขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน แต่อย่างไรก็ตามหากตัวอ่อนฝังตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลของยาคุมก็จะไม่ได้ส่งผลที่ทำให้เกิดการแท้งแต่อย่างใด

กินยาคุมตอนท้องทำให้คลอดลูกก่อนกำหนดจริงไหม

แม้จะมีบางงานวิจัยกล่าวว่าการกินยาคุมตอนท้องอาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ส่งผลให้ลูกน้อยมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่แน่ชัด และยืนยันว่าการกินยาคุมตอนท้องจะทำให้คลอดก่อนกำหนด มีเพียงแค่แพทย์บอกว่าหากรู้ว่าท้องให้หยุดกินยาคุมทันที

กินยาคุมตอนท้องเสี่ยงท้องนอกมดลูกจริงไหม

สำหรับการกินยาคุมตอนท้องคุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะท้องนอกมดลูกได้จริง เพราะเคยมีรายงานว่าการกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวและยาคุมฉุกเฉินตอนท้องจะเป็นการเพิ่มโอกาสทำให้ท้องนอกมดลูกได้

อย่างไรก็ตามหากคุณแม่ท่านใดท้องแล้วกินยาคุม ถือได้ว่าไม่มีอันตราย แต่ทั้งนี้หากรู้ตัวว่าท้องแล้วควร “หยุดกินยาคุมทันที” แล้วรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดต่อไป

ข้อสรุป

เมื่อหยุดกินยาคุมกำเนิดก็สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ แต่อาจจะต้องรอให้สภาพร่างกายและภายในมีการปรับความสมดุลเสียก่อน ไม่ว่าจะเรื่องการผลิตเซลล์ไข่ และการตกไข่ เมื่อทุกอย่างกลับมาปกติแล้วก็จะสามารถตั้งครรภ์ได้ปกติ แต่หากหยุดกินยาคุมมาเป็นเวลานานแล้วมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ แต่ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที แนะนำให้เข้ามาพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะสม

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ช่วยให้สามารถมีบุตรได้ตามที่ต้องการหรือประสบปัญหาการมีบุตรยาก แนะนำปรึกษากับศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก คลินิกมีบุตรยาก Beyond IVF ที่พร้อมด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง วิธีการรักษาที่เหมาะสม และเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก ท่านใดที่สนใจ ต้องการรับคำปรึกษาในการมีบุตรสามารถทักเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line : @Beyondivf


เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ