ผนังมดลูกบาง หรือเยื่อบุโพรงมดลูกบาง ถือเป็นสาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้มีบุตรยาก ทำให้ไม่สามารตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้หรือโอกาสตั้งครรภ์น้องมาก ซึ่งแท้จริงแล้วสาเหตุของผนังมดลูกบางเกิดจากอะไร มีอาการบ่งบอกถึงโรคไหม วิธีการบำรุงโพรงมดลูกควรทำอย่างไร รักษาแบบไหน แล้วสามารถตั้งครรภ์ได้ไหม
รู้จักผนังมดลูก (Endometrium)
ผนังมดลูก หรือ เยื่อบุโพรงมดลูก คือ เยื่อบุผิวของผนังด้านในของมดลูก ที่ทำหน้าที่ในการรับการฝังตัวของตัวอ่อน ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในแต่ละรอบเดือนจะมีความหนาไม่เท่ากัน
ในช่วงมีประจำเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกจะบางที่สุด เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกลอกตัวมาเป็นประจำเดือนและหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีความสัมพันธ์กับการโตของเซลล์ไข่ในเดือนนั้น ซึ่งจะหนาตัวมากที่สุดในช่วงการตกไข่
หลังจากนั้นความหนาอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเล็กน้อยเพื่อรอให้ตัวอ่อนมาฝังตัว หากไม่มีการปฏิสนธิและฝังตัวก็จะบางลงอีกครั้งเมื่อมีประจำเดือน
ลักษณะผนังมดลูกโดยทั่วไป
- ผนังมดลูกควรหนา 8-14 มิลลิเมตร
- ผนังมดลูกไม่ควรบางกว่า 5 มิลลิเมตร
- ผนังมดลูกควรใส ไม่ทึบ ไม่หมักหมมด้วยประจำเดือนเก่าคั่งค้าง
- เรียงสามชั้นสวย (Triple Lines)
- มดลูกอุ่น มีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ
ผนังมดลูกบางคืออะไร
ผนังมดลูกบาง หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกบาง คือ ผนังมดลูกที่มีความบางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร จะส่งผลให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดน้อยลง เนื่องจากเมื่อผนังมดลูกบางเกินไปจะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยากมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าภาวะผนังมดลูกบางเกิดจากสาเหตุอะไร อาจจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า เคยมีประวัติการขูดมดลูกมาก่อน หรืออาจเกิดจากการกินยาคุมมาเป็นเวลานาน
ผนังมดลูกบางเกิดจากสาเหตุใด
1. ผนังมดลูกบางจากการขูดมดลูก
ผนังมดลูกบางจากการขูดมดลูก ถือเป็นสาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากการขูดมดลูกจะทำให้เกิดการอักเสบหรือมีพังผืดที่มดลูกได้ ในกรณีที่ต้องขูดมดลูก เช่น เคยแท้งลูก เป็นต้น
2. ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ
ซึ่งอาจมาจากภาวะรังไข่เสื่อมหรือหยุดการทำงาน ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวได้
3. มดลูกอักเสบหรือติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
บริเวณมดลูกจะมีเส้นเลือดฝอยอยู่เป็นจำนวนมาก มดลูกจึงต้องการเลือดไหลเวียนนำพาสารอาหารไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ หากเลือดไม่สูบฉีดไหลเวียนจะก่อให้เกิด สภาวะมดลูกเย็น นำไปสู่การอักเสบและติดเชื้อได้
4. ภาวะเลือดไหลเวียนในมดลูกน้อย
อาจเป็นผลทางอ้อมมาจากการที่มีเนื้องอกในมดลูก ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการไหลเวียนของเส้นเลือดที่จะนำเอาฮอร์โมนมาหล่อเลี้ยงที่เยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญหนาตัวได้ไม่ดีพอ
5. การใช้ยากระตุ้นรังไข่
การทานยากระตุ้นไข่ตก (Ovinum) ในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลทำให้ผนังมดลูกบาง เนื่องจากยากระตุ้นไข่บางตัว เช่น Clomiphene (Clomid, Serophene) เป็นยาฝ่ายตรงข้ามกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สามารถสร้างความหนาตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกได้อย่างเต็มที่
6. การใช้ยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนเดี่ยว
ใช้ยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนเดี่ยว เช่น ฉีดยาคุมกำเนิด ฝังยาคุมกำเนิด และยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเดี่ยวมาเป็นเวลานานมากเกินไป จะส่งผลต่อการสร้างความหนาตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก
7. เนื้องอกบริเวณมดลูก
เนื้องอกบางอย่างของกล้ามเนื้อมดลูก หรือเนื้องอกเยื่อบุโพรงมดลูก จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่สามารถเจริญได้ตามปกติ
8. ผนังมดลูกบางอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ผนังมดลูกบางไม่ทราบสาเหตุ หรือ บางสาเหตุไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น เกิดพังผืดในโพรงมดลูกขั้นรุนแรง หรือหลังจากผ่าตัดแก้ไข มดลูกเสียและเปลี่ยนสภาพไปมาก ทำให้ไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะตั้งครรภ์ได้
ลักษณะของผนังมดลูกบาง
ผนังมดลูกที่สามารถเตรียมจะตั้งครรภ์ได้ ไม่ควรหนาต่ำกว่า 8 มิลลิเมตร และถ้าเกิดบางกว่า 5 มิลลิเมตร โอกาสที่เราจะมีน้องก็จะลดลง และเสี่ยงเป็นภาวะผู้มีบุตรยาก เนื่องจากเมื่อผนังมดลูกบางก็จะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยากขึ้น ดังนั้นลักษณะของผนังมดลูกที่เหมาะในการตั้งครรภ์ คือ 8-14 มิลลิเมตร
ผนังมดลูกบางอันตรายไหม
สำหรับภาวะมดลูกบาง ยังไม่ถือว่ามีอันตรายถึงชีวิต เพราะสามารถรักษาและทานฮอร์โมนเพื่อให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาตัวขึ้นมาได้ แต่ภาวะผนังมดลูกบางจะมีผลกระทบสำหรับผู้ที่อยากมีลูก
เนื่องจากพอผนังมดลูกบางก็จะทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ เท่ากับจะลดโอกาสในการตั้งครรภ์สำเร็จด้วยวิธีธรรมชาติ เมื่อมีภาวะผนังมดลูกบางแล้วต้องที่จะมีลูกอาจจะต้องใช้วิธีรักษามีบุตรยากเข้าช่วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
การวินิจฉัยภาวะผนังมดลูกบาง
การวินิจฉัยภาวะผนังมดลูกบาง มีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์จะสอบถามประวัติเบื้องต้นว่าเคยผ่านการขูดมดลูกมาหรือไม่
- หลังจากนั้นแพทย์จะทำการตรวจด้วยวิธีการอัลตร้าซาวด์ผ่านช่องคลอด เพื่อวัดขนาดและความหนาบางของผนังมดลูก รวมถึงดูความผิดปกติอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
- หากผลออกมาและพบว่ามีภาวะผนังมดลูกหนา หรือ ผนังมดลูกบางเกินไป แพทย์จะจ่ายยาฮอร์โมนเพื่อให้สร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้มีความหนาขึ้นตามความเหมาะสม
- แพทย์จะนัดตรวจดูผนังมดลูกในครั้งต่อไปว่ามีความหนามากพอที่จะเหมาะให้ตัวอ่อนฝังตัวได้หรือไม่
อาการข้างเคียงเมื่อผนังมดลูกบาง
หากผนังมดลูกบางในขณะที่ตั้งครรภ์ความเสี่ยงที่ตามมา คือ เสี่ยงเกาะรกต่ำ และเสี่ยงมดลูกแตก หากเคยมีการผ่าตัดมดลูกมาก่อนแล้วจะส่งผลให้มดลูกมีพังผืด
เมื่อตั้งครรภ์ รกจะมาเกาะที่บริเวณแผลและทำให้เกิดการฝังตัวที่ผิดปกติ และการฝังตัวที่ผิดปกติของรก จะส่งผลให้เกิดเลือดออกหรือตกเลือดในระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้คลอดก่อนกำหนด และทำให้มดลูกแตกอีกด้วย
ผนังมดลูกบางกับการตั้งครรภ์
ผนังมดลูกบางอาจส่งผลทำให้อัตราความสำเร็จในการฝังตัวอ่อนลดลง ทำให้เกิดภาวะมีลูกยาก ถือเป็นปัญหาสำคัญ และเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยสำหรับคนที่อยากมีลูก
ดังนั้นหากต้องการมีลูกควรปรึกษาแพทย์ แพทย์จะจ่ายยาฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวขึ้น และแนะนำให้ใช้วิธีรักษาภาวะมีบุตรยากที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ การทำ IVF และการทำ ICSI ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีโอกาสสำเร็จสูงสุดถึง 70%
ผนังมดลูกบางรักษาอย่างไร
1. เสริมโภชนาการด้วยการทานโปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากต่อการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หากเตรียมวางแผนที่จะตั้งครรภ์ จำเป็นต้องเน้นทานโปรตีนเพิ่มขึ้นเพื่อบำรุงเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์และช่วยสร้างผนังมดลูกให้หนาตัว ลดการทานคาร์บขัดสีแต่ให้ทานคาร์บเชิงซ้อนพวกธัญพืช เช่น งาดำ ลูกเดือย แฟล็กซีด เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับการทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 14 อาหารบํารุงมดลูก ก่อนตั้งครรภ์ บำรุงไข่ให้พร้อมมีลูก
2. ปรับสมดุลด้วยการใช้ฮอร์โมน
“ระยะลูเตียลเฟส” คือ ระยะเวลาหลังการตกไข่ที่ร่างกายจะสร้างระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น โดยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน
แต่หากมีความบกพร่องของระยะนี้หมายความว่า ในร่างกายมีระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนน้อย ส่งผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หนาตัว และทำให้โอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนมีน้อยลง
3. ปรับพฤติกรรมเพิ่มการไหลเวียนเลือด
หากต้องการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด จำเป็นต้องทานอาหารฤทธิ์อุ่น เพราะเลือดที่ไหลเวียนดีจะกระตุ้นการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูดให้หนาตัวขึ้น ควรทานผักผลไม้สีแดง เช่น มะเขือเทศ แครอท บีทรูท ทับทิม ผักผลไม้เหล่านี้ช่วยบำรุงเลือด ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนได้ดี
ผนังมดลูกบางป้องกันได้ไหม
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันภาวะผนังมดลูกบาง จะมีเพียงการบำรุงเพื่อช่วยให้ผนังมดลูกแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการบำรุงมีดังนี้
- การรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ และเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย เช่น แมกนีเซียม (Mineral) วิตามินบี 6 (Vitamin B6) สังกะสี (Zinc) โอเมก้า 3 (Omega-3) วิตามินอี (Vitamin E) วิตามินซี (Vitamin C)
- ควรหลีกเลี่ยงสารเคมี หากต้องการบำรุงมดลูกหรืออยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป ผักผลไม้ที่ฉีดยาฆ่าแมลง เนื้อสัตว์ที่ฉีดสารเร่งโต เครื่องสำอางที่มีส่วนผสม Phthalate เป็นต้น
- ลดความเครียด เพราะความเครียดจะส่งผลทำให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ เมื่อมีความเครียดสะสมก็จะทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์สำเร็จน้อยลง หรือหากมีความเครียดขณะตั้งครรภ์อาจจะทำให้เกิดภาวะแท้งได้
ข้อสรุป
ผนังมดลูกบาง คือ เยื่อบุโพรงมดลูกมีความบางกว่า 5 มิลลิเมตร ส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวที่โพรงมดลูกได้ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจาก การขูดมดลูก ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ มดลูกอักเสบ เลือดไหลเวียนในมดลูกน้อย เนื้องอกในมดลูก เป็นต้น ซึ่งผนังมดลูกบางไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่จะส่งผลให้มีบุตรยาก
ในส่วนของการตรวจวินิจฉัยแพทย์จะทำการอัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอดเพื่อวัดความหนาบางของเยื่อบุโพรงมดลูก และดูความผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย ซึ่งยังไม่มีวิธีป้องกันภาวะนี้ จะมีเพียงการบำรุง เช่น เสริมโภชนาการด้วยการทานโปรตีน แมกนีเซียม (Mineral) วิตามินบี 6 (Vitamin B6) สังกะสี (Zinc) โอเมก้า 3 (Omega-3) วิตามินอี ( Vitamin E) วิตามินซี ( Vitamin C) หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ผักผลไม้ที่มีสารเคมี และลดความเครียด
ทั้งนี้หากท่านไหนมีการวางแผนที่จะมีลูกแนะนำให้เข้ามาตรวจร่างกายเพื่อความพร้อมก่อนที่จะตั้งครรภ์ หากมีความผิดปกติแพทย์จะได้ช่วยแนะนำและรักษาได้ทันเวลา หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line : @beyondivf