เชื้อราในช่องคลอด โรคที่สามารถเกิดได้ในคุณผู้หญิง เพราะอวัยวะเพศของผู้หญิงมีความซับซ้อนและอยู่ภายใน ยากต่อการตรวจเช็คและทำความสะอาด ทำให้หลายคนเกิดความกังวลเมื่อเกิดอาการหรือความผิดปกติ ในหลายครั้งที่เกิดอาการคัน หรือความผิดปกติโดยทั่วไปก็จะคิดถึงโรคเชื้อราในช่องคลอดก่อนเป็นอันดับแรก แต่เรามาดูกันว่า โรคเชื้อราในช่องคลอด มีอาการเป็นอย่างไรและมีสาเหตุจากอะไรบ้าง ถ้าหากเป็นแล้วจะข้องรักษาอย่างไร เมื่อเกิดอาการแล้วจะได้รักษาได้ทัน
เชื้อราในช่องคลอดอันตรายหรือไม่ ?
- เชื้อราในช่องคลอดเกิดจากอะไรเชื้อราในช่องเกิดจากการที่จำนวนเชื้อราเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติจนทำให้ในช่องคลอดเสียความสมดุล ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณช่องปาก อวัยวะเพศ ระบบทางเดินอาหารหรือเป็นผิวหนังคนเป็นต้น
- เชื้อราในช่องคลอดรักษาอย่างไร เชื้อราในคลอดสามารถใช้ยาเฉพาะจุดเพื่อรักษาได้เช่น ยาทาหรือยาเหน็บ รวมไปถึงการเลือกรับประทานยากลุ่ม Azole เป็นต้น
- วิธีการป้องกันเชื้อราในช่องคลอด ควรรรักษาความสะอาดให้ดี เปลี่ยนผ้าอนามัยสม่ำเสมอเมื่อมีประจำเดือนเพื่อช่วยลดอาการอับชื้น หลีกเลี่ยงพฤกรรมติการใส่เสื้อผ้ารัดรูปจนเกินไปและไม่ควรใช้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเช่น สบู่หรือน้ำยาใดๆในการล้างช่องคลอดเป็นต้น
เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis)
เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อราภายในช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอด ทำให้เกิดความผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองและอาการคันอย่างรุนแรง ซึ่งเชื้อราในช่องคลอดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วไป มักพบร้อยละ 40 แต่จะไม่เกิดปัญหาถ้าหากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หากระบบสมดุลในช่องคลอดเปลี่ยนจากกรดเป็นด่าง จะทำให้การเจริญเติบโตของเชื้อราเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอด
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น พอปริมาณฮอร์โมนที่สูงขึ้น เชื้อราก็จะมีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน
- โรคเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมโรคไม่ดี ไม่ได้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก็จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อราในช่องคลอดมากขึ้น
- การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานเกินไป จะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สร้างความสมดุลของเชื้อราในช่องคลอด ทำให้เชื้อราเพิ่มปริมาณมากขึ้น
- การรับประทานยาเสตียรอยด์ เพราะจะลดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
- ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานบกพร่อง หรือโรคเอดส์
- การใส่กางเกงที่แน่นและคับมากเกินไป
อาการของเชื้อราในช่องคลอด
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
- ติดเชื้อราในช่องคลอดเป็นครั้งแรก ควรพบแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่านั้น
- หากเป็นผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ ควรรีบพบแพทย์
- ติดเชื้อราในช่องคลอด 4 ครั้งหรือมากกว่าต่อปี แพทย์อาจต้องให้ยาต้านเชื้อรานานอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรค นอกจากนี้การติดเชื้อราบ่อยครั้งอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวานหรือโรคอื่นๆ ได้
การตรวจวินิจฉัยเชื้อราในช่องคลอด
ตรวจเบื้องต้นด้วยการสอบประวัติ
แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติของผู้ป่วยก่อนว่ามีอาการผิดปกติอะไรบ้าง มีอาการมาแล้วกี่วัน เคยมีคู่นอนมาแล้วกี่คน การปฏิบัติหลังจากใช้ห้องน้ำมีการซับน้ำบริเวณอวัยวะเพศไหม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเชื้อราในช่องคลอดเบื้อต้นก่อนจะทำการตรวจภายใน
การตรวจภายใน
แพทย์จะทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจดูภายในเบื้องต้นเพื่อดูความผิดปกติภายในช่องคลอด และตรวจดูอาการภายนอก เช่น ดูสีของตกขาว ดูอาการผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ หลังจากนั้นแพทย์จะเก็บตัวอย่างเชื้อส่งต่อให้ทางห้องแล็บนำไปเพาะเชื้อและวินิจฉัยเพิ่มเติม
การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง
การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง เช่น ตกขาว swab ช่องคลอดเพื่อนำเนื้อเยื่อไปตรวจวินิจฉัยโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อราในช่องคลอด มะเร็งปากมดลูก ความผิดปกติบริเวณปากมดลูก เพื่อที่จะได้หาแนวทางในการรักษาต่อไป
**ทั้งหมดนี้ควรตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น
วิธีรักษาเชื้อราในช่องคลอด
วิธีป้องกันเชื้อราในช่องคลอด
- กินโยเกิร์ตหรือยาคูลท์ที่มีจุลินทรีย์ เพื่อเพิ่มแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด จะสามารถช่วยลดอัตราการเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้
- กินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่มีดัชนีไกลซีมิกต่ำ เพื่อให้น้ำตาลในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นทีละน้อย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ภาวะแพ้อาหารทำให้อาการของโรคแย่ลง
- หลีกเลี่ยงกางเกงชั้นในที่รัดแน่น
- การทำความสะอาด ควรใช้น้ำสะอาดเท่านั้น
- ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
- ไม่ควรใช้สบู่หรือน้ำยาใดๆ ล้างช่องคลอด เพราะนั่นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะความเป็นกรดของช่องคลอดลดลง และไม่ควรล้างภายในช่องคลอด
- เปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอขณะมีประจำเดือน เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น
Q&A โรคเชื้อราในช่องคลอด
เชื้อราในช่องคลอด เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่
ภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงยังไม่มีข้อสรุปให้รักษาในทุกราย หากคู่นอนมีอาการก็ควรที่จะรักษาร่วมกันไปด้วย
เชื้อราในช่องคลอด สามารถหายเองได้ไหม
การติดเชื้อราในช่องคลอดถ้าอยู่ในภาวะที่ไม่รุนแรง อาจหายเองได้โดยไม่ต้องรักษาด้วยยา แต่ควรรักษาความสะอาดของช่องคลอด ดูแลบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ ไม่ให้อับชื้น เนื่องจากบริเวณที่ร้อนและอับชื้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการและความผิดปกติบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอดเสมอ หากมีอาการคัน แสบร้อน บวม แดง ปวดช่องคลอด มีผื่น ตกขาวหนาสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็น อาจเป็นอาการของเชื้อราในช่องคลอดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งควรรีบพบแพทย์
การทานยาคูลท์ ช่วยรักษาเชื้อราในช่องคลอดได้ไหม
ปกติแล้วช่องคลอดของผู้หญิงจะมีจุลินทรีย์แล็คโตบาซิลลัสอาศัยอยู่ ถือเป็นแบคทีเรียชนิดดี ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีต่างๆ เมื่อมีปัญหาตกขาวเปลี่ยนสี มีกลิ่น และเกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด การกินยาคูลท์หรือโยเกิร์ตที่มีแล็คโตบาซิลลัสจะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อของช่องคลอดได้ โดยแล็คโตบาซิลลัสจะไปลดการเพิ่มจำนวนของเชื้อรา ลดเชื้อแบคทีเรีย และทำให้อาการคันและกลิ่นดีขึ้น