ช่วงอายุของผู้หญิงเป็นตัวกำหนดการเจริญพันธุ์ที่สำคัญ เพราะคุณภาพรังไข่ของผู้หญิงจะเสื่อมลงตามกาลเวลาและช่วงอายุ ข้อมูลวิจัยในการแพทย์พบว่า เมื่ออายุผู้หญิงเกิน 35 ปี คุณสมบัติของรังไข่ ในการสร้างเซลล์สืบพันธุ์จะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นเมื่อคุณภาพรังไข่ลดลง คุณภาพของตัวอ่อนที่ได้จากการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ก็จะลดลงเช่นกัน
จากข้อมูลที่ว่า “มีลูกช่วงอายุ 35 ปี ไปจนถึง อายุ 39 ปี เป็นช่วงที่จะตั้งครรภ์แล้วลูกจะฉลาดพัฒนาดี” ข้อมูลวิจัยนี้เป็นกลุ่มการศึกษางานวิจัยที่ไม่ได้ศึกษาเชิงการแพทย์อย่างเดียว แต่ศึกษาในเชิงเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ในแง่ที่ว่าผู้หญิงช่วงอายุ 35-39 ปี จะเป็นช่วงที่พร้อมด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น มีการงานมั่นคง เริ่มมีฐานะ เพราะฉะนั้นเมื่อลูกที่เกิดออกมาก็จะสามารถให้การเลี้ยงดูลูกที่ดีได้ กรณีอย่างนี้จึงทำให้เด็กมีพัฒนาการหรือมีการเจริญเติบโตได้ดีกว่า ส่วนกรณีที่บอกว่าจะช่วยให้คุณแม่มีอายุยืนยาวขึ้นนั้น อันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ไม่ว่าจะตั้งครรภ์ที่อายุเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าหากเทียบจากข้อมูลตามหลักทางการแพทย์จะแนะนำให้ตั้งครรภ์ก่อนอายุ 35 ปีจะดีที่สุด
ทำไมต้องควรมีลูกอายุไม่เกิน 35 ปี?
รังไข่อยู่กับผู้หญิงมาตั้งแต่กำเนิด เซลล์สืบพันธุ์ที่จะพัฒนาเป็นเซลล์ไข่จะอยู่ในรังไข่ของผู้หญิง จนกระทั้งเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช่วงอายุประมาณ 13-14 ปี โดยธรรมชาติจะหลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่เพื่อให้เริ่มไข่ตกก็จะเป็นช่วงที่เด็กผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือน เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มเจริญเติบโตขึ้นผ่านสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษในชีวิตประจำวัน สัมผัสกับสารเคมีต่างๆ หรืออะไรที่เราบริโภคเข้าไปยิ่งนานวันขึ้นตามช่วงอายุ ก็ส่งผลทำให้คุณภาพรังไข่เสื่อมลง แต่จะไม่เหมือนเชื้ออสุจิจะสามารถสร้างใหม่ได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นผู้ชายจะอายุเท่าไหร่เชื้ออสุจิก็ยังคงมีคุณภาพดี แต่สำหรับผู้หญิงข้อจำกัดจะอยู่ตรงช่วงอายุ ถ้าอายุถึง 35 ปี หรืออายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป คุณภาพรังไข่ก็จะเสื่อมลง เมื่อคุณภาพของรังไข่เสื่อมลง เซลล์ไข่ก็จะแย่ลงทำให้ตัวอ่อนไม่มีคุณภาพตามไปด้วย ซึ่งจะมีผลเสียต่อตัวลูกที่เกิดมาอาจจะทำให้เกิดเป็นดาวน์ซินโดรม หรือโรคทางพันธุกรรมได้สูงขึ้น ดังนั้นการตั้งครรภ์ที่มีผลดีต่อตัวลูกควรตั้งครรภ์อายุไม่เกิน 35 ปี จะทำให้ตัวอ่อนคุณภาพดี ศักยภาพของลูกก็จะดีตามไปด้วย
ปัจจัยที่จะทำให้ลูกฉลาดพัฒนาการดีขึ้น?
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการส่วนหนึ่งมาจากร่างกายของเด็ก แต่ว่าส่วนที่สำคัญไม่ได้น้อยกว่ากันเลย ก็คือการบำรุงตัวเองในระหว่างคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้รับสารอาหารต่างๆ ครบถ้วนหรือเปล่า มีการดูแลฝากครรภ์ที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้ามีความผิดปกติต่างๆ ได้แก้ไขและป้องกันก่อนไหม เพราะอาจมีผลกระทบต่อเซลล์สมองและระบบประสาทของลูกได้ แต่หลังจากคลอดการเลี้ยงดูก็เป็นสิ่งสำคัญ และมีผลมากๆ เช่น นมที่คุณแม่ให้มีสารอาหารที่เพียงพอหรือไม่ และเหมาะสมตามวัยหรือเปล่า กรณีนี้ก็จะมีผลต่อการพัฒนาของเซลล์สมองของลูกอย่างไม่สิ้นสุด เราถึงเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้มีการรณงค์เรื่องคุณภาพของนมที่ให้ลูกได้ทานตั้งแต่ช่วงแรกเกิดมีผลต่อพัฒนาของเซลล์สมองและเส้นประสาทมาก
และการกระตุ้นพัฒนาการของลูกอย่างเหมาะสม การเล่นของเล่นก็มีส่วนช่วยให้พัฒนาการเด็กดีขึ้น ยกตัวอย่างของเล่นที่มีสีสันเยอะๆ เพื่อพัฒนาเซลล์จอประสาทตาของลูก ของเล่นมีเสียงที่แบบหลายๆ อย่าง หรือว่าให้ลูกได้ยินเสียงที่มีการพัฒนาตั้งแต่สูงถึงต่ำความถี่ต่างๆ เพื่อพัฒนาการได้ยินของเขา ของเล่นที่มีการจับสัมผัส หรือยกตัวอย่างเดี๋ยวนี้เราจะเห็นว่ามีแหล่งที่เล่นของเด็กเป็นสถานบริการเลย เพราะเด็กจะได้ฝึกปีนป่าย ได้จับได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ของเขา ซึ่งเวลาปกติอยู่ที่บ้านอาจจะไม่ได้ใช้ การให้พัฒนาที่เหมาะสมจะพัฒนาเซลล์ประสาทและสมองลูกทำให้มีคุณภาพ แล้วก็มีศักยภาพที่เต็มตามความสามารถที่เขาจะเป็นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก อาจารย์ พูนศักดิ์ สุชนวณิช
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook ท้องง่าย by หมอต้น , Beyond IVF