Skip to content

ไข่/สเปิร์มบริจาคและการอุ้มบุญ

การใช้อุ้มบุญ ไข่/สเปิร์มบริจาค ในประเทศไทย

เครื่องมือที่มีประโยชน์
1

การอุ้มบุญในประเทศไทย

การมีบุตรเป็นความฝันของหลายครอบครัว แต่บางคู่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ ทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น คือ การอุ้มบุญและการบริจาคไข่หรือสเปิร์ม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ช่วยให้คู่สมรสสามารถมีบุตรที่มีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรมได้ ในประเทศไทย การอุ้มบุญและการบริจาคเซลล์สืบพันธุ์มีกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาทางจริยธรรมและกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น

2

การอุ้มบุญคืออะไร?

การอุ้มบุญ คือกระบวนการที่ผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์แทนบุคคลหรือคู่รักที่ต้องการมีบุตร โดยตัวอ่อนที่สร้างจากไข่และอสุจิของพ่อแม่ที่ตั้งใจจะมีบุตร จะถูกย้ายไปยังมดลูกของผู้รับอุ้มบุญ เพื่อให้เธอเป็นผู้ตั้งครรภ์และคลอดบุตรจนจบกระบวนการ

3

การบริจาคไข่และสเปิร์มในประเทศไทย

การบริจาคไข่ (Egg Donation)

การบริจาคไข่เป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่เข้าสู่กระบวณการรักษามีบุตรยาก และมีปัญหาด้านคุณภาพไข่หรือไม่มีไข่เอง เช่น ผู้ที่รักษามีบุตรยาก หลายรอบและแพทย์มีความเห็นว่าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยไข่ตนเอง หรือผู้ที่รังไข่เสื่อม

กระบวนการบริจาคไข่

  1. คัดกรองสุขภาพของผู้บริจาค

  2. กระตุ้นไข่ด้วยฮอร์โมน

  3. เก็บไข่ผ่านกระบวนการเจาะเก็บจากรังไข่

  4. นำไข่ที่ได้ไปใช้ในการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ

คุณสมบัติของผู้บริจาคไข่

  • อายุระหว่าง 20-35 ปี

  • สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อทางพันธุกรรม

  • ไม่เคยมีภาวะมีบุตรยาก

การบริจาคสเปิร์ม (Sperm Donation)

การบริจาคสเปิร์มเป็นวิธีช่วยผู้ที่มีปัญหาด้านอสุจิ เช่น อสุจิน้อย อสุจิไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือไม่มีอสุจิเป็นหมันแต่กำเนิด

กระบวนการบริจาคสเปิร์ม

  1. คัดกรองสุขภาพของผู้บริจาค

  2. ตรวจความสมบูรณ์ของอสุจิ

  3. เก็บสเปิร์มผ่านการหลั่งและนำไปแช่แข็ง

  4. ใช้สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI)

คุณสมบัติของผู้บริจาคสเปิร์ม

  • อายุระหว่าง 20-45 ปี

  • สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อทางพันธุกรรม

  • มีคุณภาพอสุจิอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ข้อจำกัดทางกฎหมาย

  • ไม่อนุญาตให้บริจาคไข่หรือสเปิร์มเพื่อการค้าหรือเพื่อขาย

  • ไม่สามารถนำไข่หรือสเปิร์มที่บริจาคไปใช้นอกราชอาณาจักรไทย

4

อนาคตของการอุ้มบุญและการบริจาคไข่/สเปิร์มในไทย

แม้ว่ากฎหมายไทยยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการอุ้มบุญและการบริจาคไข่/สเปิร์ม แต่มีแนวโน้มว่ากฎหมายอาจได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ องค์กรด้านภาวะมีบุตรยากกำลังผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับทางเลือกที่มากขึ้นสำหรับครอบครัวที่ต้องการมีบุตรผ่านกระบวนการเหล่านี้ เช่น กลุ่ม LGBTQ+ ในอนาคต

พร้อมที่จะเริ่มการเดินทางด้านการรักษามีบุตรยากของคุณแล้วหรือยัง?

จองคิวปรึกษาทางโทรศัพท์ฟรี 15 นาที กับพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากของเรา

จองตอนนี้

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ