
อาการแบบไหนถึงเรียกว่ามีบุตรยาก
อาการแบบไหนถึงเรียกว่ามีบุตรยาก
อาการแบบไหนถึงเรียกว่ามีบุตรยากเป็นสิ่งที่คนอยากมีลูกแต่ยังไม่มีได้สงสัยมาตลอดว่า อาการแบบไหนกันถึงเรียกว่ามีบุตรยาก มีวิธีดูได้อย่างไร
อ่านเพิ่มเติม : ปัญหามีบุตรยาก
3 สิ่งต้องสงสัยว่ามีเกณฑ์ มีลูกยาก
- มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่คุมกําเนิด เกิน 1 ปี แล้วยังไม่ตั้งครรภ์
ใน 1 ปีหากคู่สมรสมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอเช่น อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ครบ 1 ปีแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ตราหลักการแพทย์ถือว่าเป็นผู้มีบุตรยากโดยสมบูร์ต้องเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ อาจจะไม่ถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีแต่แพทย์จะช่วยตรวจร่างกายและวางแผนให้มีบุตรโดยเร็วขึ้น
- มีอาการประจําเดือนมาไม่ปกติเป็นประจํา
ประจำเดือนถือว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกความปกติของสภาพการเจริญพันธุ์ของฝ่ายหญิง โดยปกติแล้วประจำเดือน 1 ครั้ง จะห่างกัน 28-32 วัน หากผู้หญิงคนไหนมีรอบเดือนที่ผิดปกติจะมีโอกาสที่มีบุตรยากสูง
- ฝ่ายหญิงอายุเกิน 35 ขึ้นไป
อายุที่ดีของการสืบพันธ์จะอยู่ที่ 20-30 ปีแต่ด้วสภาวะทางสังคมในปัจจุบันทำให้ผู้คนมีบุตรกันช้าลง กว่าจะพร้อมก็เกิน 30 ปีขึ้นไปแต่ใครจะรู้ว่าอายุของไข่ผู้หญิงมีจำกัด ตั้งแต่เกิดมาไข่ผู้หญิงจะโดนกำหนกมาแล้วว่ามีกี่ฟอง พร้อมๆกับการฝ่อจำนวนมากหลังมีประจำเดือน ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นไข่ยิ่งฝ่อมากขึ้น ทางการแพทย์จึงระบุว่าหากผู้หญิงคนใดอายุเกิน 35 ปีจึงเข้าข่ายมีบุตรยากโดยอัติโนมัติต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ รวมถึงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นโอกาสที่จะมีลูกผิดปกติก็มากขึ้นด้วย
พฤติกรรมเสริมที่ทำให้มีลูกยาก ใครอยากมีลูกควรงด!
- ความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหลักที่ไม่แค่ส่งผลต่อสุขภาพจิต แต่ยังส่งผลต่อระบบเจริญพันธุ์อีกด้วย ความเครียดจะไปรบกวนฮอร์โมนที่ส่งผลให้มีลูกยาก ส่งผลให้การหลั่งฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนจนทำให้ไข่ไม่เจริญเติบโต ไข่ไม่ตกตามเวลา นอกจากนี้ยังไปรบกวนไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิไปแล้วทำให้ฝังตัวที่โพรงมดลูกได้ยากขึ้นด้วย
- กินอาหารไม่มีประโยชน์
คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องอาหารอย่างมาก ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกของทอดและมัน เนื่องจากจะส่งผลต่อน้ำหนักตัว และควรเลือกอาหารที่หลากหลายไม่จำเจ หากร่างกายขาดสารอาหารก็จะส่งผลให้ระบบเจริญพันธุ์มีปัญหาทำให้เกิดปัญหามีลูกยากตามมา
- สุขภาพไม่แข็งแรง
การที่มีสุขภาพที่ดี สมบูรณ์และแข็งแรงจะเป็นการเพิ่มสมรรถภาพเพศโดยธรรมชาติ จะส่งผลให้ระบบเจริญพันธุ์สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ ดังนั้นควรจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่การออกกำลังกายยังช่วยลดอาการปวดหลัง ป้องกันน้ำหนักขึ้นเกินระหว่างตั้งครรภ์ ป้องกันภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปัสสาวะเล็ด ป้องกันภาวะซึมเศร้าหรือทำให้ลดอาการเครียด และลดความเสี่ยงต่อการผ่าตัดคลอดอีกด้วย
- ดื่มกาแฟมากไป
สำหรับคนทั่วไปการดื่มกาแฟอาจจะทำให้ร่างกายสดชื่น แต่สำหรับคุณแม่ที่วางแผนจะมีลูกควรจะหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟมากจนเกินไป เนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีนที่มีผลต่อระบบเจริญพันธุ์โดยเฉพาะ ทำให้ลดโอกาสการตั้งครรภ์มากขึ้น 26% ดังนั้นไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้ว
- ดื่มแอลกอฮอล์มากไป
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ หรือไวน์ มีผลต่อระบบเจริญพันธุ์ทั้งสิ้น ซึ่งสำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ จะลดโอกาสในการมีลูกถึง 50% ซึ่งหากเป็นผู้ที่วางแผนการมีลูกในอนาคตไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกินวันละ 120 มิลลิลิตร หรือปริมาณ 1 แก้ว แต่จะให้ดีไม่ควรดื่มเลยจะดีที่สุด
- สูบบุหรี่เป็นประจำ
การสูบบุหรี่จะลดโอกาสการตั้งครรภ์ และเพิ่มโอกาสให้มีลูกยากกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้สูบถึง 3 เท่า เพราะในบุหรี่มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบเจริญพันธุ์ สำหรับฝ่ายชายที่สูบบุหรี่หนักๆ จะส่งผลให้การผลิตอสุจิในน้ำเชื้อลดน้อยลง แถมเชื้อยังอ่อนแอลง สำหรับฝ่ายหญิงหากสูบบุหรี่เป็นประจำจะลดโอกาสไข่ตก และยังรบกวนการฝังตัวอ่อนในโพรงมดลูกอีกด้วย
- ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว
โรคอ้วน ไม่ได้เป็นโรคที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลให้เกินภาวะมีลูกยากอีกด้วย โดยมีผลวิจัยรองรับว่า ฝ่ายหญิงที่มีน้ำหนักตัวต่ำ หรือ เกินกว่ามาตรฐานจะส่งผลให้ตั้งครรภ์ยากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติถึง 4 เท่า และยังเสี่ยงต่อการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนกำหนดและลูกในท้องอาจเสียชีวิตอีกด้วย ดังนั้นควรจะควบคุมน้ำหนักและเลือกทานอาหารที่ประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารมันเลี่ยนและรสชาติหวานจัด
- สารเคมีในร่างกาย
เนื่องจากในปัจจุบันนั้น เราเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากมาย ซึ่งหากวางแผนการมีลูกอาจจะต้องหลีกเลี่ยงสารโลหะหนักอย่างพวกตะกั่วที่อาจจะปนเปื้อนในอาหาร เครื่องสำอาง เครื่องประดับต่างๆ ที่สะสมในร่างกายจะส่งผลต่อการทำงานของระบบเจริญพันธุ์ทำให้ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้มีลูกยาก
- มีปัญหาด้านสุขภาพ
ปัญหาด้านสุขภาพนั้นเป็นปัจจัยหลักของสาเหตุที่ทำให้ตั้งครรภ์ยากที่หลายคนอาจจะมองข้าม ซึ่งการมีบุตรยากนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ที่มีอายุเยอะเท่านั้น หากแต่งงานกันมาเกิน 3 ปีและลองพยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติแล้วไม่สำเร็จ ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุต่อไป
อ่านเพิ่มเติม : การรักษาผู้มีบุตรยาก
สรุป คู่สมรสที่อยู่ด้วยกันแล้วมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดเกินกว่า 12 รอบเดือน ถือว่าเป็นคนมีบุตรยาก แต่ถ้าฝ่ายหญิงอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป แล้วมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดเกิน 6 เดือนเราจะถือว่ามีบุตรยาก และเราจะได้รีบเข้าสู่กระบวนการการรักษาเพราะยิ่งทิ้งไว้นานอายุยิ่งมากก็ยิ่งรักษายากขึ้น
ถ้าคุณผู้หญิงท่านใดมีความกังวลใจสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Beyond IVF หรือจะแอดไลน์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @beyondivf