การวางแผนอนาคตสำหรับกลุ่ม LGBTQIA+ ที่ต้องการมีบุตร
ในปัจจุบัน การสร้างครอบครัวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงคู่รักชาย-หญิงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงกลุ่ม LGBTQIA+ ที่ต้องการมีบุตร อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่วางแผนจะ แปลงเพศ (Gender Affirming Surgery) หรือมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ในอนาคต การรักษาเซลล์สืบพันธุ์ไว้ล่วงหน้ากลายเป็นทางเลือกสำคัญ
ข้อควรรู้ความจำเป็นในการรักษาเซลล์สืบพันธุ์ก่อนการแปลงเพศ
การแปลงเพศเป็นกระบวนการที่มีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์อย่างถาวร
หญิงเป็นชาย (FTM - Female to Male): เมื่อเข้าสู่กระบวณการแปลงเพศจะมีการใช้ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ซึ่งส่งผลให้ไข่หยุดเจริญเติบโต และหากมีการตัดมดลูกและรังไข่ออก ก็จะไม่สามารถมีบุตรได้อีก
ชายเป็นหญิง (MTF - Male to Female): เมื่อเข้าสู่กระบวณการแปลงเพศจะมีการใช้ฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ส่งผลให้การสร้างอสุจิลดลงหรือหยุดลง และหากมีการผ่าตัดแปลงอวัยวะเพศถาวร ก็จะไม่สามารถผลิตอสุจิได้อีก ทำให้ไม่สามารถมีบุตรได้
ดังนั้น การ ฝากไข่ (Egg Freezing) หรือ ฝากอสุจิ (Sperm Freezing) จึงเป็นแนวทางที่ช่วยรักษาเซลล์สืบพันธุ์ไว้ได้ ก่อนเริ่มกระบวนการแปลงเพศจึงควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเพื่อวางปผนการมีบุตรในอนาคต
ทำไมคู่รัก LGBTQIA+ ยังไม่สามารถมีบุตรได้ด้วยวิธีรักษามีบุตรยาก (IUI, IVF, ICSI)
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดกว้างสำหรับ LGBTQIA+ แต่ในทางกฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology - ART) ยังคงมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในกรณีของการทำ IVF (In Vitro Fertilization - เด็กหลอดแก้ว)
กฎหมายปัจจุบัน (พ.ศ. 2558): อนุญาตให้คู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย (ชาย-หญิง) เท่านั้น ที่สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้
LGBTQIA+ และคู่รักเพศเดียวกัน: แม้ว่าจะมีทะเบียนสมรสแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำ IVF ได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน
การฝากไข่และอสุจิ: ปัจจุบัน สามารถทำได้ แม้ว่าจะยังไม่สามารถใช้เพื่อทำเด็กหลอดแก้วได้ แต่สามารถเก็บรักษาไว้เพื่อรอการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายในอนาคต
ทางเลือกในการรักษาเซลล์สืบพันธุ์สำหรับ LGBTQIA+
การฝากไข่ (Egg Freezing)
การฝากไข่ (Oocyte Cryopreservation) การฝากไข่คือ การกระตุ้นนำเซลล์ไข่ออกมาแช่แข็งไว้เพื่อหยุดอายุเซลล์สืบพันธุ์ ในกรณีที่ กลุ่ม หญิงเป็นชาย (FTM - Female to Male) ต้องการวางแผนมีบุตรในอนาคต ก่อนแปลงเพศและทำการใช้ฮอร์โมน ควรเข้ามาดเก็บไข่ แช่แข็งไว้ก่อน เพื่อในวันข้างหน้าจะสามารุมีบุตรที่เป็นเลือดเนื้อของตัวเองได้ โดยไม่ต้องใช้ไข่บริจาค
การฝากไข่ (Egg Freezing)
กระบวนการฝากไข่สำหรับบุคคลที่ต้องการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย (FTM - Female to Male)
เข้าปรึกษาแพทย์ที่คลินิกรักษามีบุตรยากเฉพาะทาง แจ้งความประสงค์เกี่ยวกับความต้องการวางแผนมีบุตรในอนาคต โดยหากมีการใช้ฮอร์โมน หรือรับประทานวิตามินใดอยู่ควรแจ้งแพทย์
ตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อม โดยมากจะเป็นการตรวจภายในผ่านทางช่องคลอกเพื่อดูความผิดปกติภายในมดลูกและประเมินเกี่ยวกับ รังไข่ รวมถึงจะมีการตรวจฮอร์โมนเพื่อเช็คดูการทำงานของรังไข่
เมื่อประเดือนมา จะเริ่มกระบวณการฝากไข่ โดยฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่เป็นประจำทุกวัน ประมาณ 13 วัน ตามแผนการรักษาของแพทย์
ระหว่างฉีดยากระตุ้นแพทย์จะนัดหมายเพื่อเข้ามาตรวจดูการตอบสนองของไข่จากการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่
เมื่อแพทย์เห็นสมควรว่าคนไข้ได้ไข่ขนาดที่เหมาะสม จะทำการนัดเก็บไข่โดยมีการเตรียมตัว งดน้ำงดอาหาร 6-8ชั่วโมง และให้ยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
เมื่อเก็บไข่ออกมา นักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางจะทำการคัดแยกและนำไปแช่แข็งต่อไป
หลังจากเก็บไข่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ งดออกกำลังกายหนักในช่วงแรกเท่านั้น
ข้อควรรู้ของการฝากไข่ (Egg Freezing)
หากวันนึงที่ต้องการมีบุตร สามารถทำได้โดยวิธี IVF-ICSIเด็กหลอดแก้ว เท่านั้น
เซลล์ไข่จะไม่สามารถขาย ซื้อ หรือทำการค้าขายได้
เซลล์ไข่ไม่สามารถย้ายข้ามประเทศได้
การฝากอสุจิ (Sperm Freezing)
กระบวนการฝากอสุจิสำหรับบุคคลที่ต้องการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง
เข้าปรึกษาแพทย์ที่คลินิกรักษามีบุตรยากเฉพาะทาง แจ้งความประสงค์เกี่ยวกับความต้องการวางแผนมีบุตรในอนาคต โดยหากมีการใช้ฮอร์โมน หรือรับประทานวิตามินใดอยู่ควรแจ้งแพทย์
เตรียมตัวงดหลั่งอสุจิ 5-7 วัน หรือตามแพททย์กำหนด
เมื่อถึงกำหนดเข้ามาเก็บอสุจิ ที่คลินิก
นักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางจะทำการคัดแยกและนำอสุจิไปแช่แข็งต่อไป
ข้อควรรู้ของการฝากอสุจิ (Egg Freezing)
หากวันนึงที่ต้องการมีบุตร สามารถทำได้โดยวิธี IVF-ICSIเด็กหลอดแก้ว เท่านั้น
อสุจิทจะไม่สามารถขาย ซื้อ หรือทำการค้าขายได้
อสุจิไม่สามารถย้ายข้ามประเทศได้
อนาคตของ LGBTQIA+ กับการมีบุตรในไทย
ปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันเข้าถึงเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้ ในขณะที่ประเทศไทยได้ร่างกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิการสมรสเท่าเทียมและนำออกมาใช้ได้สำเร็จ ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายการมีบุตรในอนาคต