
เชื้อราในช่องคลอด โรคที่สามารถเกิดได้ในคุณผู้หญิง เพราะอวัยวะเพศของผู้หญิงมีความซับซ้อนและอยู่ภายใน ยากต่อการตรวจเช็คและทำความสะอาด ทำให้หลายคนเกิดความกังวลเมื่อเกิดอาการหรือความผิดปกติ ในหลายครั้งที่เกิดอาการคัน หรือความผิดปกติโดยทั่วไปก็จะคิดถึงโรคเชื้อราในช่องคลอดก่อนเป็นอันดับแรก แต่เรามาดูกันว่า โรคเชื้อราในช่องคลอด มีอาการเป็นอย่างไรและมีสาเหตุจากอะไรบ้าง ถ้าหากเป็นแล้วจะข้องรักษาอย่างไร เมื่อเกิดอาการแล้วจะได้รักษาได้ทัน
สารบัญบทความ
- เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis)
- เชื้อราในช่องคลอดเกิดจากสาเหตุใด
- เชื้อราในช่องคลอดเกิดกับใครได้บ้าง
- เชื้อราในช่องคลอดในหญิงตั้งครรภ์
- อาการของเชื้อราในช่องคลอด
- เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
- การตรวจวินิจฉัยเชื้อราในช่องคลอด
- วิธีรักษาเชื้อราในช่องคลอด
- ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเชื้อราในช่องคลอด
- ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากเชื้อราในช่องคลอด
- วิธีป้องกันเชื้อราในช่องคลอด
- Q&A โรคเชื้อราในช่องคลอด
เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis)
เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อราภายในช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอด ทำให้เกิดความผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองและอาการคันอย่างรุนแรง ซึ่งเชื้อราในช่องคลอดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วไป มักพบร้อยละ 40 แต่จะไม่เกิดปัญหาถ้าหากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หากระบบสมดุลในช่องคลอดเปลี่ยนจากกรดเป็นด่าง จะทำให้การเจริญเติบโตของเชื้อราเพิ่มมากขึ้น
เชื้อราในช่องคลอดเกิดจากสาเหตุใด
เชื้อราในช่องคลอดเกิดจากการเพิ่มจำนวนเชื้อรามากกว่าปกติภายในช่องคลอด จนทำให้ภายในช่องคลอดเสียสมดุล โดยปกติเชื้อราเหล่านี้มักอาศัยอยู่ตามช่องปาก อวัยวะเพศ ระบบทางเดินอาหาร หรือบนผิวหนังของคนเราในปริมาณน้อยและไม่ก่อให้เกิดโรคใดๆ
แต่เมื่อเชื้อราเหล่านี้มีปริมาณมากขึ้นก็จะพัฒนาให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ เชื้อราที่ทำให้เกิดการติดเชื้ออาจเกิดได้จากหลายสายพันธ์ุ แต่สายพันธ์ุที่พบว่าเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในช่องคลอดได้มากที่สุดมีชื่อว่า แคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) ซึ่งเป็นเชื้อราในกลุ่มแคนดิดา (Candida)
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอด
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น พอปริมาณฮอร์โมนที่สูงขึ้น เชื้อราก็จะมีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน
- โรคเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมโรคไม่ดี ไม่ได้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก็จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อราในช่องคลอดมากขึ้น
- การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานเกินไป จะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สร้างความสมดุลของเชื้อราในช่องคลอด ทำให้เชื้อราเพิ่มปริมาณมากขึ้น
- การรับประทานยาเสตียรอยด์ เพราะจะลดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
- ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานบกพร่อง หรือโรคเอดส์
- การใส่กางเกงที่แน่นและคับมากเกินไป
เชื้อราในช่องคลอดเกิดกับใครได้บ้าง
การเกิดเชื้อราในช่องคลอดมักจะพบได้น้อยในผู้หญิงวัยก่อนมีประจำเดือน และสตรีวัยหมดประจำเดือน ดังนั้นภาวะนี้มักพบได้มากในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และผู้หญิงที่อยู่ในภูมิประเทศที่อากาศร้อน มีความชื้นสูง และผู้ที่ได้รับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ยังพบบ่อยในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่คุมได้ไม่ดี ผู้ที่ต้องรับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ติดเชื้อไวรัสภูมิต้านทานบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ ทำให้การกำจัดหรือการลดจำนวนของเชื้อราทำงานช้าลง
เชื้อราในช่องคลอดในหญิงตั้งครรภ์
อีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์หรือเตรียมจะมีลูกควรรู้ นั่นก็คือ ปัญหาเชื้อราในช่องคลอด เป็นอาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ แต่จะไม่มีอันตรายร้ายแรงอาจทำให้เกิดความรำคาญและรู้สึกไม่สบายตัว โดยปกติผู้หญิงเกือบทุกคนมีโอกาสเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้
สาเหตุเกิดจากความอับชื้น มักจะเกิดจากการมีมูกไข่ตกก่อนเป็นประจำเดือน หรือเกิดอาการระคายเคือง อาการคันภายในช่องคลอด บริเวณปากช่องคลอด เพราะในช่องคลอดจะมีความชื้นมากจึงติดเชื้อราได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผู้หญิงกำลังตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนที่กำลังขึ้นลง
หากเจออาการแนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเป็นอาการปกติหรือไม่ และการเกิดเชื้อราในช่องคลอดจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง
อาการของเชื้อราในช่องคลอด
อาการเริ่มแรก
- ตกขาวจะมีสีขาวหรือเหลืองเป็นก้อนคล้ายนมบูด
- มีกลิ่นเหม็น
- มีการระคายเคือง
- เกิดอาการคัน
- มีอาการบวมที่บริเวณอวัยวะเพศ
- มีผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ
อาการรุนแรง
- มีอาการบวม แดง คันที่รุนแรงจนทำให้เกิดแผลและเจ็บปวดบริเวณช่องคลอด
- มีอาการแสบ ระคายเคืองอย่างรุนแรง
- บางคนอาจรู้สึกแสบในช่องคลอดขณะปัสสาวะ
- มีการติดเชื้อรา 4 ครั้งหรือมากกว่าต่อปี
- ติดเชื้อราสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่ Candida Albicans
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
- ติดเชื้อราในช่องคลอดเป็นครั้งแรก ควรพบแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่านั้น
- หากเป็นผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ ควรรีบพบแพทย์
- ติดเชื้อราในช่องคลอด 4 ครั้งหรือมากกว่าต่อปี แพทย์อาจต้องให้ยาต้านเชื้อรานานอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรค นอกจากนี้การติดเชื้อราบ่อยครั้งอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวานหรือโรคอื่นๆ ได้
การตรวจวินิจฉัยเชื้อราในช่องคลอด

ตรวจเบื้องต้นด้วยการสอบประวัติ
แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติของผู้ป่วยก่อนว่ามีอาการผิดปกติอะไรบ้าง มีอาการมาแล้วกี่วัน เคยมีคู่นอนมาแล้วกี่คน การปฏิบัติหลังจากใช้ห้องน้ำมีการซับน้ำบริเวณอวัยวะเพศไหม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเชื้อราในช่องคลอดเบื้อต้นก่อนจะทำการตรวจภายใน
การตรวจภายใน
แพทย์จะทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจดูภายในเบื้องต้นเพื่อดูความผิดปกติภายในช่องคลอด และตรวจดูอาการภายนอก เช่น ดูสีของตกขาว ดูอาการผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ หลังจากนั้นแพทย์จะเก็บตัวอย่างเชื้อส่งต่อให้ทางห้องแล็บนำไปเพาะเชื้อและวินิจฉัยเพิ่มเติม
การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง
การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง เช่น ตกขาว swab ช่องคลอดเพื่อนำเนื้อเยื่อไปตรวจวินิจฉัยโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อราในช่องคลอด มะเร็งปากมดลูก ความผิดปกติบริเวณปากมดลูก เพื่อที่จะได้หาแนวทางในการรักษาต่อไป
**ทั้งหมดนี้ควรตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น
วิธีรักษาเชื้อราในช่องคลอด
การใช้ยาเฉพาะที่
ยาเฉพาะที่ ได้แก่ ยาทา หรือ ยาเหน็บ ยากลุ่มนี้ทั้งครีมและยาเหน็บเป็น Oil-based ควรระวังเมื่อใช้ร่วมกับ Latex condom ยาทาเฉพาะที่อาจทำให้มีการระคายเคืองหรือแสบร้อนได้แต่จะไม่ทำให้แพ้ทั้งร่างกาย
การใช้ยารับประทาน
ยารับประทาน อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง หรือปวดศีรษะได้ สำหรับยารับประทานกลุ่ม Azole พบมีรายงานทำให้มีเอนไซม์ตับสูงขึ้น ภาวะข้างเคียงจะพบมากขึ้นหากใช้ยากลุ่มนี้ร่วมกับยาบางชนิด เช่น Astemizole, Calcium channel antagonists, Cisapride, Cyclosporine A, Oral hypoglycemic agents, Phenytoin, Protease inhibitors, Tacrolimus, Terfenadine, Theophylline, Trimetrexate, Rifampin, และ Warfain เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเชื้อราในช่องคลอด
เมื่อมีอาการหรือเป็นเชื้อราในช่องคลอดถ้าไม่รุนแรงนักก็สามารถดูแลตัวได้ตามนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดเป็นประจำ แต่ควรใช้แค่น้ำสะอาดแทน
- ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจส่งผลให้อาการติดเชื้อแย่ลง
- หากมีความรู้สึกเจ็บในขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้ผลิตภัณฑ์เจลหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักในขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยลดการระคายเคือง
- หากบริเวณอวัยวะเพศมีอาการบวมและเจ็บ ไม่ควรเกาหรือถูแรงๆ แต่ให้นั่งแช่ในน้ำอุ่น เพื่อช่วยบรรเทาอาการ หรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่มีอาการ
เป็นเชื้อราในช่องคลอด ห้ามกินอะไร
เป็นเชื้อราในช่องคลอดสิ่งที่ห้ามกินคืออาหารที่มีรสหวาน เพราะอาหารของเชื้อราคือน้ำตาล เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราเพิ่มมากขึ้นควรงดอาหารที่มีรสหวาน และงดทานอาหารที่แพ้ทั้งหมด เพราะหากร่างกายอยู่ในสภาวะแพ้อาหาร จะยิ่งทำให้อาการติดเชื้อแย่ลง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากเชื้อราในช่องคลอด
การเกิดเชื้อราในช่องคลอดค่อนข้างพบภาวะแทรกซ้อนได้น้อย โดยทั่วไปมักเกิดการถลอกของผิวหนังหรืออาจเป็นแผล เนื่องจากอาการคันและอาจเสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้ออื่นๆที่ผิวหนังได้โดยง่าย ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการติดเชื้อขึ้นใหม่อีกครั้งหลังการรักษา หรือไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาด เนื่องจากตัวยาไม่ตอบสนองต่อโรค ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นตามมาได้
วิธีป้องกันเชื้อราในช่องคลอด
- กินโยเกิร์ตหรือยาคูลท์ที่มีจุลินทรีย์ เพื่อเพิ่มแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด จะสามารถช่วยลดอัตราการเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้
- กินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่มีดัชนีไกลซีมิกต่ำ เพื่อให้น้ำตาลในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นทีละน้อย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ภาวะแพ้อาหารทำให้อาการของโรคแย่ลง
- หลีกเลี่ยงกางเกงชั้นในที่รัดแน่น
- การทำความสะอาด ควรใช้น้ำสะอาดเท่านั้น
- ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
- ไม่ควรใช้สบู่หรือน้ำยาใดๆ ล้างช่องคลอด เพราะนั่นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะความเป็นกรดของช่องคลอดลดลง และไม่ควรล้างภายในช่องคลอด
- เปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอขณะมีประจำเดือน เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น
Q&A โรคเชื้อราในช่องคลอด
เชื้อราในช่องคลอด เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่
ภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงยังไม่มีข้อสรุปให้รักษาในทุกราย หากคู่นอนมีอาการก็ควรที่จะรักษาร่วมกันไปด้วย
เชื้อราในช่องคลอด สามารถหายเองได้ไหม
การติดเชื้อราในช่องคลอดถ้าอยู่ในภาวะที่ไม่รุนแรง อาจหายเองได้โดยไม่ต้องรักษาด้วยยา แต่ควรรักษาความสะอาดของช่องคลอด ดูแลบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ ไม่ให้อับชื้น เนื่องจากบริเวณที่ร้อนและอับชื้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการและความผิดปกติบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอดเสมอ หากมีอาการคัน แสบร้อน บวม แดง ปวดช่องคลอด มีผื่น ตกขาวหนาสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็น อาจเป็นอาการของเชื้อราในช่องคลอดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งควรรีบพบแพทย์
การทานยาคูลท์ ช่วยรักษาเชื้อราในช่องคลอดได้ไหม
ปกติแล้วช่องคลอดของผู้หญิงจะมีจุลินทรีย์แล็คโตบาซิลลัสอาศัยอยู่ ถือเป็นแบคทีเรียชนิดดี ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีต่างๆ เมื่อมีปัญหาตกขาวเปลี่ยนสี มีกลิ่น และเกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด การกินยาคูลท์หรือโยเกิร์ตที่มีแล็คโตบาซิลลัสจะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อของช่องคลอดได้ โดยแล็คโตบาซิลลัสจะไปลดการเพิ่มจำนวนของเชื้อรา ลดเชื้อแบคทีเรีย และทำให้อาการคันและกลิ่นดีขึ้น
ข้อสรุป
โรคเชื้อราในช่องคลอด สามารถเกิดขึ้นกับผู้หญิงได้เกือบทุกคน สาเหตุของการเกิดเชื้อราในช่องคลอดไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงดูแลตัวเองไม่ดี แต่อาจจะเป็นเพราะทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นมากจนเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ ทางที่ดีควรพบแพทย์เมื่อมีอาการเพื่อให้แพทย์หาสาเหตุของการเกิดเชื้อราในช่องคลอดและแนะนำการดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก