Q: ตัดมดลูกไปแล้วต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกอีกไหม ?

A: หากได้ตัดมดลูกไปแล้ว ก็ต้องมาดูกันก่อนว่าตัดออกไปในรูปแบบไหนถ้าตัดมดลูกร่วมกับปากมดลูกก็มีความจำเป็นที่จะไม่ต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกซ้ำ ยกเว้นเสียแต่ว่าหลังจากที่เราตัดมดลูกออกไปแล้วนั้นมีการตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูกส่วนมียังมีความจำเป็นที่ต้องตรวจอยู่ครับ

การผ่าตัดมดลูก (Hysterectomy) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น เนื้องอกในมดลูก, ภาวะเลือดออกผิดปกติ, หรืออาการปวดเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับมดลูก ในระหว่างการผ่าตัดนี้ มดลูกจะถูกนำออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงหลายคนเกิดคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นในการตรวจมะเร็งปากมดลูกในอนาคตว่าต้องทำการตรวจอีกหรือไม่

แม้ว่าการผ่าตัดมดลูกจะนำมดลูกออกไป แต่การตรวจมะเร็งปากมดลูกยังคงมีความสำคัญ

  • มะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นที่ไหน

 มะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นที่ปากมดลูก ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงอยู่แม้ว่ามดลูกจะถูกนำออกไป นอกจากนี้ ผู้หญิงที่ได้รับการผ่าตัดมดลูกยังมีความเสี่ยงต่อมะเร็งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์

  • อายุและประวัติสุขภาพ

 ผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น หรือมีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งปากมดลูก ควรได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะไม่มีมดลูกแล้ว

  • ความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น

 ผู้หญิงที่ผ่าตัดมดลูกอาจต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แม้จะไม่มีมดลูก

วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูก

การตรวจมะเร็งปากมดลูกหรือการตรวจอื่น ๆ หลังการผ่าตัดมดลูกควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปอาจรวมถึง

  • การตรวจ Pap smear: โดยทั่วไปควรตรวจทุก 3 ปี สำหรับผู้หญิงอายุ 21-65 ปี และอาจมีการตรวจร่วมกับการตรวจหาไวรัส HPV (Human Papillomavirus) เพื่อประเมินความเสี่ยง
  • การตรวจด้วยวิธีอื่น: ขึ้นอยู่กับประวัติสุขภาพส่วนบุคคล และความเสี่ยงที่มี เช่น การตรวจด้วยการอัลตราซาวด์หรือ MRI หากมีอาการผิดปกติ

แม้ว่าการผ่าตัดมดลูกจะนำมดลูกออกไป แต่การตรวจมะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพของผู้หญิง การปรึกษาแพทย์และการปฏิบัติตามคำแนะนำในการตรวจสอบจะช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไลน์แอด @Beyondivf

นพ.กิตติ ฉัตรตระกูลชัย Beyond IVF รักษามีบุตรยาก