การทำ IUI (Intrauterine) คือ ?
การคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์และสุขภาพดีในปริมาณที่มากพอสมควร แล้วทำการฉีดกลับเข้าไปที่โพรงมดลูกในวันที่ฝ่ายหญิงมีการตกไข่ จากการทานยากระตุ้นให้ไข่ตก เป็นการทำให้อสุจิมีโอกาสผสมกับไข่ได้มากกว่าการผสมเองตามวิธีธรรมชาติ โดยวิธีการแพทย์จะใช้สายยางขนาดเล็กมากๆ สอดเข้าผ่านทางช่องคลอด ซึ่งจะไม่มีอาการรู้สึกเจ็บเลยแต่จะรู้สึกหน่วงๆนิดนึง หลังจากนั้นก็จะทำการฉีดเชื้ออสุจิที่ได้คัดกรองเตรียมไว้ฉีดจากไซริงค์ผ่านทางสายยางเล็กๆเข้าสู่โพรงมดลูก ให้อสุจิใกล้กับบริเวณที่ไข่ตกมากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม : IUI การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก
การทำ IUI เหมาะกับใคร?
ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ลองปล่อยวิธีธรรมชาติ 1 ปี ยังไม่ตั้งครรถ์แต่อยากลองรักษาด้วยวิธีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และฝ่ายหญิงที่อายุยังไม่เกิน 35 ปีขึ้นไป หรือฝ่ายหญิงที่มีปัญหาเรื่องภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) มีปัญหาเรื่องการตกไข่ หรือกรณีของภาวะมีบุตรยากที่ตรวจหาสาเหตุไม่พบ เป็นต้น ยกเว้นในกรณีมีการอุดตันของปีกมดลูกทั้งสองข้างหรือฝ่ายชายที่มีเชื้ออสุจิมีคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งอสุจิในช่องคลอด
บางเคสบางกรณีที่ฝ่ายหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป แต่แพทย์ได้ประเมินจากผลตรวจร่างกายและฮอร์โมนแล้วว่ายังสามารถรักษาด้วยวิธี IUI ได้ แพทย์ก็จะให้ลองด้วยวิธี IUI ก่อน เพราะการทำ IUI ในครั้งแรกของคู่ที่ยังไม่เคยลองด้วยวิธีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์มาก่อน โอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จจะอยู่ที่ 15 – 20% เพราะได้รับการกระตุ้นไข่เป็นครั้งแรก เซลล์ไข่ขนาดที่สมบูรณ์มีโอกาสปฏิสนธิกับอสุจิจนเป็นตัวอ่อนในครั้งแรก และผนังมดลูกยังหนาปกติอยู่อาจทำให้ตัวอ่อนสามารถฝังตัวได้ง่ายกว่าคนที่รักษามาหลายครั้ง
วิธี IUI มีกี่แบบ?
การใช้ยากระตุ้นไข่ชนิดยาทาน
ก่อนที่จะฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก แพทย์จะให้ยากระตุ้นไข่แบบชนิดยาทาน กลับไปทานประมาณ 5 วัน และแพทย์จะนัดตรวจอัลตราซาวด์ในวันที่ 10 เพื่อเช็คดูจำนวนเซลล์ไข่และขนาดของเซลล์ไข่ ถ้าได้ตามที่แพทย์ประเมินไว้ ก็จะให้ฉีดยาให้ไข่สุขก่อนจะฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่กันภายในโพรงมดลูกจนเกิดการตั้งครรภ์
การใช้ยากระตุ้นไข่ชนิดยาฉีด
สำหรับกรณีที่ใช้ยากระตุ้นไข่แบบชนิดยาทานไปแล้วประมาณ 5 วัน และแพทย์นัดเข้ามาอัลตราซาวด์ในวันที่ 10 แล้วนั้น แต่ยังไม่ได้จำนวนเซลล์ไข่ที่ต้องการ หรือเซลล์ไข่ไม่สามารถโตได้ตามขนาด 18 – 20 ซม. โดยแพทย์จะให้หยุดกระตุ้นไข่แบบทานยา แต่จะขยับเปลี่ยนมาเป็นใช้ยากระตุ้นไข่แบบชนิดยาฉีด โดยแพทย์จะประเมินโดสยาจากผลการตรวจฮอร์โมน และโดสยากระตุ้นไข่ชนิดแบบฉีดจะคิดราคาตามโดสยาที่ฉีดไป โดยไม่ได้รวมอยู่ในแพ็คเกจการทำ IUI แบบชนิดยาทาน หรือในกรณีที่ผู้หญิงอายุ 35 ปี ขึ้นไป แพทย์ประเมินแล้วว่าไม่สามารถรักษาด้วยวิธี IUI ได้ แต่ก็ยังอยากลองด้วยวิธีนี้อยู่ แพทย์ก็จะให้กระตุ้นไข่โดยการฉีดโดสยากระตุ้นไข่แทนแบบยาทาน
หากทำแล้วไม่สำเร็จควรทำอย่างไร?
หากรักษาด้วยวิธี IUI รอบแรกแล้วยังตั้งครรภ์ไม่สำเร็จแพทย์มักแนะนำดังนี้
- ลองวิธี IUI อีกครั้ง โดยปกติแล้วแพทย์มักให้คนไข้ลองทำ IUI ทั้งหมด 3 ครั้งเพราะโอกาสสำเร็จของ IUI ค่อนข้างน้อย การทำแต่ละครั้งอาจจะเกิดความผิดพลาดแพทย์จะนำผลทั้งหมดมาวิเคราะห์สาเหตุและแก้ไขในครั้งถัดไป แต่สูงสุดที่จะไม่เกิน 3 รอบเพราะหากครบ 3 รอบยังไม่ตั้งครรภ์แสดงว่าคู่สมรสนั้นมีปัญหาสุขภาพที่มากเกินกว่าวิธีนี้แล้ว
- ตรวจร่างกายเพิ่มเติม ก่อนการทำรอบถัดไป เช่น ตรวจฉีดสีดูท่อนำไข่ ตรวจฮอร์โมนเพิ่มเติมเพื่อดูว่าสาเหตุที่ทำให้การทำ IUI ไม่สำเร็จเป็นเพราะเหตุใด มีอุปสรรคใดหรือไม่
- ขยับไปเป็นการรักษาแบบ IVF/ICSI เด็กหลอดแก้ว ในคนไข้บางรายที่ทำ IUI แล้วไม่สำเร็จแต่มีอายุที่ค่อนข้างมากแล้ว ไม่สามารถรอได้อยากมีอัตราสำเร็จที่มากและเร็ว จึงจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนวิธีการรักษาไปเป็นแบบ IVF/ICSI ที่มีโอกาสสำเร็จมากกว่าถึง 70%
อ่านเพิ่มเติม : เด็กหลอดแก้ว IVF ICSI คืออะไร
แล้วทำไมถึงทำ IUI ได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น?
หากรักษาด้วยวิธี IUI 3 ครั้ง แล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากบางที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนยากระตุ้นไข่ที่ออกฤทธิ์แรงมากขึ้น เพื่อใช้ในการกระตุ้นไข่ในครั้งต่อไป เช่น Clomid หรือ Serophene ซึ่งยากลุ่มนี้มีผลตรงข้ามกับฮอร์โมนเอสโตรเจน จะไม่สามารถสร้างความหนาตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกได้เต็มที่มีผลทำให้ผนังมดลูกบางลง ไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และถ้าผนังมดลูกบางลงน้อยกว่า 5 มม. โอกาสการตั้งครรภ์แทบจะไม่สำเร็จเลย จึงจำเป็นต้องมีการหยุดพักฟื้นหรือหยุดรักษาด้วยวิธีนี้ เพื่อให้ผนังมดลูกกลับมาหนาปกติ แต่ที่ Beyond IVF แพทย์จะไม่แนะนำให้รักษาด้วยวิธี IUI อีกครั้ง แต่จะให้เปลี่ยนวิธีการรักษาเป็นแบบ IVF/ICSI เด็กหลอดแก้ว เพื่อที่จะได้โอกาสสำเร็จมากยิ่งขึ้น เพราะว่าการรักษาแบบ IVF/ICSI เด็กหลอดแก้ว มีผลข้างเคียงจากโดสยากระตุ้นไข่น้อยกว่า และแพทย์ติดตามอาการได้ละเอียดมากกว่าแบบวิธี IUI
“สรุปได้ว่าการทำ IUI แพทย์แนะนำให้ทำสูงสุดได้ที่ 3 ครั้งแต่หากคนไข้ไม่อยากรอแล้วก็สามารถขยับเป็นการทำ IVF/ICSI เด็กหลอดแก้วได้เลยค่ะ”
ถ้าคุณผู้หญิงท่านใดมีความกังวลใจสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Beyond IVF หรือจะแอดไลน์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @beyondivf