ผอมไป อ้วนมาก มีลูกยากจริงหรือไม่Beyond IVF

ผอมไป อ้วนมาก มีลูกยากจริงหรือไม่?

สามีภรรยาหลายคู่ที่แต่งงานกันแล้ว แต่ยังไม่มีลูกอาจจะสงสัยว่าทำไมเราไม่มีลูกสักที สาเหตุของการมีลูกยากอาจเกิดจากหลายปัจจัยของทั้งสองฝ่าย แต่อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลายๆคู่ มีลูกยาก คือ ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือ น้อยเกินไปมักจะประสบปัญหาตั้งครรภ์ยากมากขึ้นถึง 20%

อ่านเพิ่มเติม : ปัญหามีบุตรยาก

สิ่งแรกที่เราจะต้องทำคือ เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์หรือไม่? ตัววัดตัวหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือการวัดดรรชนีมวลร่างกาย (Body Mass Index หรือ BMI) ค่า BMI จะบอกว่าเรามีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ไหน การวิจัยเกี่ยวกับความผอมและโอกาสการตั้งครรภ์ ผู้เชี่ยวชาญในชิคาโกได้วิเคราะห์ข้อมูลจากการปฏิสนธิภายนอก หรือการทำเด็กหลอดแก้วจำนวน 2,362 รอบใน ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40 ปีพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานหรือมีค่า BMI ระหว่าง 14-18 จะมีโอกาสให้กำเนิดลูกที่มีสุขภาพแข็งแรง 34% ขณะที่ผู้หญิงที่มีน้ำหนักมาตรฐานหรือน้ำหนักเกินเล็กน้อย (ค่า BMI 19-28) มีโอกาสสูงถึง 50% ส่วนผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมากหรือเป็นโรคอ้วน (ค่า BMI 29-43) มีโอกาส 45%

ผอมเกินไป อ้วนเกินไป มีลูกยากจริงหรือไม่

แม้ว่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการมีน้ำหนักตัวมากเกินไปจะมีผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่ตอนนี้การผอมแห้งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาการมีลูกยากสำหรับคู่สมรสที่พยายามตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ งานวิจัยนี้ระบุว่า การที่คุณผู้หญิงผอมเกินไปจะทำให้เสียโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากพอๆ กันกับการที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป การอ้วนหรือผอมเกินไปเป็นอุปสรรคสำหรับการตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ผอมมาก ๆ มักมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติและร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับต่ำ ส่วนการอ้วนเกินไปก็มีผลต่อประจำเดือนไม่ปกติเช่นกัน แถมด้วยปัญหาซับซ้อนอื่นๆ เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (PCOS)

สำหรับผู้หญิงที่ผอมมากๆ มี BMI ต่ำกว่า 18.5 นั้น การมีน้ำหนักตัวน้อยส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้อย่างไรบ้าง​? คนที่ผอมเกินไปอาจเจอปัญหาไม่มีไข่ตก (anovulation) มีไข่ตกไม่สม่ำเสมอ และอาจส่งผลทำให้มีประจำเดือนไม่ปกติ สิ่งเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่งเพียงพอ เพราะร่างกายมีไขมันปริมาณต่ำเกินไป ง่ายๆคือการผอมเกินไปจะส่งผลทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนตัวสำคัญๆ ได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาในการตกไข่และทำให้ตั้งครรภ์ได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GnRH (gonadotrophin releasing hormone) การมี GnRH ไม่เพียงพอจะทำให้ผนังโพรงมดลูกมีการฟอร์มตัวได้ไม่ดีจึงไม่สามารถรองรับการตั้งครรภ์ได้ GnRH ยังเป็นตัวกระตุ้นการหลั่ง LH (luteinizing hormone) และ FSH (follicle-stimulation hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญสำหรับการเจริญพัฒนาของไข่และการตกไข่

โรค PCOS คืออะไร มีผลต่อการท้องหรือไม่?

โรค Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหามีบุตรยาก PCOS มักจะพบในผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก หรือมีปัญหาลดน้ำหนักไม่ค่อยได้ การที่คุณทราบว่าเป็น PCOS จากการตรวจวินิจฉัยจะช่วยให้คุณสามารถเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีและได้รับคำแนะนำเรื่องการจัดการกับน้ำหนักของตัวเองได้อย่างถูกต้อง อาการที่พบบ่อยของ PCOS ได้แก่การมีประจำเดือนผิดปกติ (ซึ่งจะทำให้คุณไม่สามารถหาช่วงตกไข่ได้อย่างถูกต้อง)  การมีถุงซีสต์ที่รังไข่ มีขนขึ้นมากตามร่างกาย ปวดท้องอย่างรุนแรงตอนมีประจำเดือน ผู้หญิงบางคนที่เป็น PCOS อาจมีระดับ LH สูง ซึ่งอาจส่งผลทำให้เสี่ยงต่อการแท้งได้

“ดังนั้นแนะนำว่าให้ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป โดยคนอ้วนแนะนำให้ลดน้ำหนักลงร้อยละ 5-10 ถ้าใช้วิธีนี้จะพบว่าส่วนใหญ่จะกลับมาตกไข่ได้เองในระยะเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ถ้าตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง การแท้ง การคลอดผิดปกติ เป็นต้น”

ขอบคุณแหล่งที่มา    : 

: https://bit.ly/3faaYAT