มะเร็งปากมดลูก ภัยใกล้ตัวที่ผู้หญิงมองข้าม
สำหรับผู้หญิงมะเร็งปากมดลูกถือเป็นโรคที่ต้องให้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก คนมักจะไม่ค่อยตระหนกกับโรคนี้สักเท่าไหร่ เพราะเป็นโรคมะเร็งที่อยู่ลึกไปข้างในตัวเรา ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะตื่นตัวกับโรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งที่เห็นจากภายนอกร่างกาย แต่ว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นภัยที่ฆ่าชีวิตผู้หญิงไทยเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสติไม่เคยลดลงเลยตลอด 30 – 40ปีที่ผ่านมา เราจึงมีการณรงค์ต่อสู้กับโรคมะเร็งปากมดลูกนี้มาตลอด เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นโรคที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เพราะในปัจจุบันมีผู้ป่วยรายใหม่จากโรคมะเร็งปากมดลูก ปีละประมาณ 10,000 คนต่อปี ถ้าคิดเป็นวัน เฉลี่ยวันละ 27 คนต่อวัน และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกประมาณ 5,200 คนต่อปี เฉลี่ยเป็น 14 คนต่อวัน
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก?
ในอดีตเมื่อเราพูดถึงโรคมะเร็งปัญหาที่ทางการแพทย์ปวดหัวกันอยู่ คือเราไม่ทราบว่าสาเหตุของมะเร็งแต่ละอย่างเกิดจากสาเหตุอะไร ที่ผ่านมาการป้องกันคือทำได้ยากแต่ว่าเราก็จะใช้วิธีพยายามตรวจให้เจอเร็วๆ และรีบรักษาตั้งแต่ระยะแรก แต่โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตัวหนึ่ง ชื่อไวรัสว่า HPV เพราะฉะนั้นจึงถือเป็นโรคมะเร็งชนิดเดียวในปัจจุบันที่ทางการแพทย์รู้สาเหตุอย่างแน่ชัด
ไวรัส HPV จริงๆ เป็นไวรัสที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว จะอยู่ในบริเวณอวัยะสืบพันธุ์ของผู้หญิง สาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งก็คือ ขณะที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์จะเกิดการเสียดสีกับอวัยะผู้ชายตรงบริเวณปากมดลูกผู้หญิง พอเกิดการเสียดสีบ่อยๆ หรือรุนแรงก็จะทำให้เกิดเป็นแผล เกิดรอยถลอก เกิดการอักเสบที่มันเรื้อรังจนไวรัสเข้าไป ซึ่งถ้าเป็นไวรัสกลุ่มที่เป็นตัวก่อมะเร็งก็จะกระตุ้นให้เซลล์ปากมดลูกค่อยๆ เปลี่ยนแล้วก็กลายเป็นมะเร็งในที่สุด
อาการบ่งชี้หรือสัญญานเตือนโรคมะเร็งปากมดลูก?
อาการของผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัส HPV แล้วกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก เป็นที่น่าเสียดายที่อาการเหล่านี้จะไม่ปรากฎเลยในช่วงที่เพิ่งจะเริ่มเป็น แต่จะไปแสดงอาการในช่วงที่เป็นระยะท้ายแล้ว จะมีอาการเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือว่าบางทีก็มีเลือดออกกะปริบกะปรอยนอกเหนือจากรอบประจำเดือน บางคนก็จะมีลักษณะของตกขาวเป็นเหมือนสารคัดหลั่งที่ออกมาจากช่องคลอดที่มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ มีลักษณะช้ำเลือดช้ำหนอง ซึ่งเป็นการแสดงอาการของเซลล์ที่ผิดปกติ บางคนถ้าเป็นระยะท้ายๆ อาจจะเหมือนรู้สึกมีก้อนในอุ้งเชิงกราน เป็นก้อนหน่วงๆ ใหญ่ๆ และมีอาการปวดตามมา ซึ่งอาการเหล่านี้จะมาช้ามากจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้หญิงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมากถึง 10,000 คน และเสียชีวิต 5,200 คน เพราะส่วนใหญ่คนไข้จะมาพบแพทย์เมื่อเริ่มมีอาการ และเริ่มรักษาไม่ทันเพราะมัวแต่รอดูอาการ
วิธีลดอัตราการเกิดโรคและวิธีป้องกันการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก?
ถือว่าเป็นข้อดีของไวรัส HPV อย่างหนึ่ง เมื่อไวรัสเริ่มเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไม่ทำให้เป็นมะเร็งทันที แต่ว่าจะค่อยๆ แทรกซึมและทำให้เซลล์บริเวณปากมดลูกเปลี่ยนกลายเป็นเซลล์ที่อักเสบ พอเริ่มอักเสบก็จะเริ่มรุนแรงขึ้นจนเปลี่ยนเป็นมะเร็ง โดยส่วนใหญ่กว่าจะแสดงอาการก็ใช้เวลาประมาณ 10-15 ปีหลังจากที่เริ่มรับเชื้อ เพราะฉะนั้นเมื่อเราทราบถึงสาเหตุของการเป็นมะเร็งปากมดลูก เราเลยมีการรณรงค์หรือกระตุ้นให้ผู้หญิงเห็นความสำคัญของเจ้าโรคนี้ เพื่อให้หมั่นมาตรวจภายใน หรือตรวจมะเร็งปากมดลูกประจำปี ทุกปีๆ แน่นอนว่าสามารถตรวจเจอได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ และสามารถรักษาได้ตั้งแต่ก่อนจะเป็นมะเร็ง แล้วก็สามารถป้องกันและรักษาชีวิตของผู้หญิงไว้ได้ ถ้าได้มีการรักษาตั้งแต่ระยะแรกที่ตรวจเจอจะเป็นมะเร็งที่รักษาหายขาด 100%
ไวรัสเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่งซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถฆ่าได้ แต่จะต่างกับพวกเชื้อแบคทีเรียที่สามารถรักษาด้วยการทานยาปฏิชีวนะ แต่ไวรัส เช่น ไวรัสเอดส์ ไวรัสตับอักเสบ ไวรัสทุกชนิด แม้แต่ไข้หวัดที่เกิดจากไวรัส จะไม่มียารักษาให้หายขาด 100% ปัจจุบันการรักษาที่ดีที่สุดคือต้องใช้ภูมิคุ้มกันของตัวเราเองในการรักษา เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาของการวิจัยทางการแพทย์ที่ผลิตวัคซีนป้องกัน HPV ขึ้นมา แล้วให้วัคซีนไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้หญิง พอผู้หญิงเริ่มมีภูมิคุ้มกันเมื่อไปมีเพศสัมพันธ์หรือไปสัมผัสรับเชื้อมาเชื้อไวรัสก็จะทำอะไรร่างกายเราไม่ได้ แต่สำหรับผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลย ถ้าได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกแน่นอนว่าจะได้รับการป้องกัน 100% จากวัคซีน แล้วถ้ามีเพศสัมพันธ์ไปแล้วการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันได้หรือไม่ จากสติถิและวิจัยพบว่า 90% ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์อาจได้รับเชื้อไวรัสไปแล้ว แต่ภูมิคุ้มกันอาจจะฆ่าเชื้อไวรัสไปเอง เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมาฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ภายหลังก็ยังจะได้รับการป้องกันจากวัคซีน 100% เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก อาจารย์ พูนศักดิ์ สุชนวณิช
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook ท้องง่าย by หมอต้น