การตรวจการตั้งครรภ์โดยทั่วไปนั้นสามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง ถือเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่มีคำถามเกิดขึ้นมากมายเมื่อใช้งานจริง สำหรับคำถามยอดฮิตที่ว่า ที่ตรวจครรภ์มีกี่แบบ แบบไหนดีที่สุด ตรวจตอนไหนชัวร์ที่สุด และวิธีอ่านผลตั้งครรภ์ดูอย่างไร เราจะมาตอบทุกคำถามกันในบทความนี้
ท้องแน่ไหม จะรู้ได้อย่างไร ?
- ตรวจครรภ์แบบไหนผลแน่ชัดที่สุด วิธีการตรวจการที่แม่นยำมากที่สุดจะเป็นการวิธีการเจาะเลือดตรวจค่าฮอร์โมน Beta-hCG โดยใช้เวลาในการรอผลประมาณ 1-2 ชั่งโมงเท่านั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลที่แน่ชัดและรวดเร็ว
- ตรวจครรภ์ด้วยตัวเองช่วงเวลาไหนดีที่สุด แนะนำให้ตรวจช่วงเวลาเช้าตื่นนอนจะเป็นช่วงที่เห็นผลได้ดีที่สุดเนื่องจากเป็นปัสสาวะใหม่ แต่ทั้งนี้การตรวจช่วงเวลาอื่นๆก็ใช่ว่าจะเห็นผลไม่ดีเพราะปัจจัยสำคัญคือปัสสาวะที่ใหม่เท่านั้น
- รู้ผลว่าตั้งครรภ์แล้วควรทำอย่างไร หลังจากทราบผลควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์เข้าตรวจร่างกายป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆต่อคุณแม่และทารกในครรภ์พร้อมฟังคำแนะนำการปฏิบัติตัวในช่วงของการตั้งครรภ์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ท้องแน่ไหม จะรู้ได้อย่างไร ?
- การตรวจครรภ์ (Pregnancy Test)
- ตรวจครรภ์ตอนไหน
- อาการที่บ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์
- วิธีตรวจครรภ์ ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ
- ตรวจครรภ์วิธีไหนพบการตั้งครรภ์ได้เร็วสุด
- ข้อแนะนำสำหรับการใช้ที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง
- การอ่านผลที่ตรวจครรภ์
- ผลตรวจครรภ์ แม่นยำแค่ไหน
- ที่ตรวจครรภ์ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่
- ตรวจครรภ์ กี่วันรู้ผล
- ตรวจครรภ์ กี่วันรู้ผล
- คำถามที่พบบ่อย
- ข้อสรุป
การตรวจครรภ์ (Pregnancy Test)
ที่ตรวจการตั้งครรภ์หรือชุดทดสอบการตั้งครรภ์ (Pregnancy Tests) คือ อุปกรณ์ทดสอบภาวะตรวจการตั้งครรภ์ที่สามารถเช็กได้ด้วยตัวเอง หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยหลักการทำงานของที่ตรวจการตั้งครรภ์ คือ การตรวจหาฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายจะเริ่มสร้างขึ้นจากรกหลังเกิดการปฏิสนธิได้ 6 วัน และฮอร์โมนชนิดนี้จะสูงมากในช่วง 8-12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
โดยที่ตรวจการตั้งครรภ์สามารถใช้ได้กับทั้งการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติและการตั้งครรภ์ด้วยเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว การทำ ICSI และการฉีด IUI
ตรวจครรภ์ตอนไหน
คำถามยอดฮิตคือตรวจครรภ์ได้ตอนไหนผลถึงจะมีความแน่ชัดมากที่สุด
- คนที่พยายามตั้งครรภ์โดยธรรมชาติและผู้อยู่ในกระบวณการตั้งครรภ์แบบช่วยเหลือทางการแพทย์ปกติแล้วตรวจการตั้งครรภ์ควรจะตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 14 วันเป็นอย่างน้อย
- ผู้ที่รักษามีบุตรยากแบบการทำเด็กหลอดแก้ว การทำ ICSI ควรตรวจหลังการใส่ตัวอ่อนน 14 วัน
- ผู้ที่รักษามีบุตรยากด้วยการฉีด IUI ควรตรวจหลังจากวันฉีดเชื้อ 21 วัน
โดยการตรวจการตั้งครรภ์สามารตรวจโดยซื้อชุดที่ตรวจครรภ์ตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยาชั้นนำทั่วไปได้ ไม่ควรตรวจเร็วเกิดไปเพราะหากตรวจการตั้งครรภ์เร็วเกินไปแล้วผลเป็นไม่ตั้งครรภ์ จะสร้างความเสียใจและความเครียดให้กับคนไข้ได้ ในบางรายผลอาจจะขึ้นช้าเพราะฉะนั้นควรตรวจการตั้งครรภ์ในระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะดีที่สุด
อาการที่บ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์
- ประจำเดือนขาด หากปกติแล้วประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ แต่จู่ ๆ ขาดหายไปอาจบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์
- คลื่นไส้และอาเจียน มักจะเกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิประมาณ 1 เดือน แต่บางคนอาจจะตั้งครรภ์โดยไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเลยก็ได้
- คัดเต้านม เกิดจากเลือดไปเลี้ยงบริเวณเต้านมมากขึ้นจนทำให้มีอาการบวม ตึง และยังไวต่อความรู้สึกคล้ายช่วงมีประจำเดือน
- ปัสสาวะบ่อย เพราะร่างกายผลิตเลือดไปยังส่วนต่างๆ มากขึ้นจึงทำให้ไตขับของเสียออกจากร่างกายมากขึ้นด้วย
- ท้องผูก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง รวมถึงเกิดจากการขยายตัวของมดลูกทำให้ไปกดทับลำไส้
- อารมณ์แปรปรวน จะมีอาการโกรธ หรือหงุดหงิดง่าย เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุล
หลายคนสงสัยว่าเราจะสามารถแยกอาการก่อนเป็นประจำเดือนกับอาการของคนตั้งครรภ์ได้อย่างไร? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ อาการก่อนเป็นประจำเดือน (PMS) มีอะไรบ้าง ต่างกับอาการคนตั้งครรภ์อย่างไร
วิธีตรวจครรภ์ ที่ตรวจครรภ์ มีกี่แบบ
วิธีตรวจตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง
- ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม (Test Strip)
ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม หรือ Test Strip จะมีลักษณะเป็นแผ่นสำหรับนำไปจุ่มลงในปัสสาวะ บางยี่ห้อจะมีถ้วยตวงขนาดเล็กมาด้วยเพื่อใช้ในการเก็บปัสสาวะ วิธีตรวจครรภ์แบบจุ่มเก็บปัสสาวะใส่ถาชนะแล้วจึงค่อยนำเอาแผ่นทดสอบไปจุ่มลงในปัสสาวะประมาณ 3 วินาที นำขึ้นมาตั้งทิ้งไว้รออ่านผลตรวจหลังจากนั้นประมาณ 5 นาที โดยควรอ่านวิธีตรวจครรภ์แบบจุ่มได้ในฉลากของผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้อย่างถูกต้อง
- ที่ตรวจครรภ์แบบหยด (Pregnancy Test Cassette)
ที่ตรวจครรภ์แบบหยดหรือเรียกอีกอย่างว่าแบบตลับ มีอุปกรณ์มาให้ 3 อย่างได้แก่ ถ้วยตวงสำหรับเก็บปัสสาวะ หลอดหยด และตลับตรวจครรภ์ วิธีการใช้คือให้นำปัสสาวะใส่ถ้วยตวงแล้วใช้หลอดหยดดูดปัสสาวะจากถ้วยก่อนจะหยด 3-4 หยดลงในตลับตรวจครรภ์ แล้วตั้งทิ้งไว้รออ่านผลตรวจหลังจากนั้นประมาณ 5 นาที
- ที่ตรวจครรภ์แบบปากกา (Pregnancy Midstream Tests)
ที่ตรวจครรภ์แบบปากกาหรือที่ตรวจครรภ์แบบปัสสาวะผ่าน จะมีแท่งตรวจสอบการตั้งครรภ์สามารถถอดฝาครอบแล้วถือแท่งทดสอบให้ทิศทางลูกศรชี้ลง จากนั้นปัสสาวะผ่านประมาณ 30 วินาที แล้วตั้งทิ้งไว้เป็นเวลา 3-5 นาที
- ที่ตรวจครรภ์แบบดิจิทัล (Digital Pregnancy Test)
ที่ตรวจครรภ์แบบดิจิทัล (Digital Pregnancy Test) จะมีลักษณะคล้ายแบบปากกาใช้การตรวจด้วยการปัสสาวะผ่าน แต่จะมีหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล ใช้เวลาในการรอผลประมาณ 3 วินาทีและให้ผลการตรวจที่ค่อนข้างแม่นยำ
การตรวจตั้งครรภ์กับสถานพยาบาล
การตรวจตั้งครรภ์กับสถานพยาบาลหรือตรวจโดยแพทย์ จะเป็นการตรวจเลือดเพื่อตรวจฮอร์โมน hCG ด้วยวิธีการตรวจจากฮอร์โมน Beta-hCG จะใช้เวลารอฟังผลประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งผลการตรวจจะสามารถบ่งบอกการตั้งครรภ์ได้อย่างแม่นยำที่สุด ทั้งนี้การตรวจครรภ์วิธีนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจให้รู้แน่ชัดโดยไว เช่น ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก หรือมีประวัติแท้งบุตร ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนการดูแล ให้ฮอร์โมนเสริมต่างๆ เพื่อป้องกันการแท้งบุตรอีกด้วย
ข้อแนะนำสำหรับการใช้ที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง
ที่ตรวจครรภ์ที่สะดวกและได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ที่ตรวจครรภ์แบบปากกาหรือชุดตรวจครรภ์แบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) เพราะใช้งานได้สะดวก มีอุปกรณ์ไม่เยอะ ส่วนที่ตรวจครรภ์แบบจุ่มก็จะมีข้อดีคือมีราคาที่ถูกกว่าแบบอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ตรวจครรภ์แบบไหน ผลลัพธ์ที่ได้ก็มีความแม่นยำใกล้เคียงกันประมาณ 98% การตรวจครรภ์ด้วยการตรวจปัสสาวะ แนะนำว่าควรใช้ปัสสาวะหลังจากที่ตื่นนอนตอนเช้าจะให้ผลดีมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัสสาวะจากช่วงเวลาอื่นจะให้ผลที่ไม่ดี ที่สำคัญที่สุด คือ การใช้ปัสสาวะจะต้องเป็นการปัสสาวะใหม่เท่านั้น
ข้อควรรู้ก่อนใช้ที่ตรวจครรภ์
ชุดตรวจครรภ์เมื่อซื้อมาแล้วสามารถเก็บเอาไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติได้ที่ไม่เกิน 30 องศา เก็บให้เลี่ยงจากแสงแดดและความชื้น เมื่อฉีกซองชุดตรวจครรภ์แล้วจะต้องใช้ตรวจทันที จึงจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ แต่ถ้าฉีกแล้วยังไม่มีการใช้งานก็สามารถเก็บเอาไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะหากชุดตรวจครรภ์โดนความชื้นก็จะทำให้ประสิทธิภาพที่มีลดลง อีกทั้งยังอาจทำให้การแสดงผลตรวจผิดพลาดได้อีกด้วย ในการทดสอบซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ควรเว้นระยะห่างจากการตรวจครั้งแรกอย่างน้อย 2 – 3 วัน ข้อแนะนำสำหรับการใช้ที่ตรวจครรภ์ ได้แก่
- ก่อนใช้ชุดตรวจครรภ์ควรอ่านคู่มือการใช้งานก่อน เพื่อให้ทำการตรวจได้ถูกวิธีและได้ผลการตรวจที่คลาดเคลื่อนน้อยที่สุด
- ควรสังเกตวันหมดอายุของชุดตรวจครรภ์ก่อนใช้งานเพื่อความแม่นยำ เนื่องจากสารเคมีที่ใช้ทดสอบอาจเสื่อมสภาพไปแล้ว หากใช้ชุดตรวจครรภ์ที่หมดอายุจะทำให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนได้
- ควรใช้ที่ตรวจครรภ์หลังจากวันแรกที่รอบเดือนขาดหายไปอย่างน้อย 7 วันเนื่องจากประจำเดือนอาจมาช้ากว่าปกติเนื่องจากความเครียดของเราเองก็ได้
การอ่านผลที่ตรวจครรภ์
ผลตรวจครรภ์บนที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 1 ขีด
เมื่อตรวจครรภ์ผ่านที่ตรวจครรภ์แบบตรวจผ่านปัสสาวะแล้วขึ้น 1 ขีด โดยขีดจะขึ้นที่ C เพียงอย่างเดียว ได้ผลแปลว่า ‘น่าจะไม่ตั้งครรภ์’ หมายความว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรืออาจจะตั้งครรภ์แต่ยังตรวจไม่พบ
ผลตรวจครรภ์บนที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด
ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีด หรือขึ้นเป็น 2 ขีดจางๆ โดยขีดจะขึ้นที่ C และ T คือ ได้ผลบวก แปลว่า ‘น่าจะมีการตั้งครรภ์’ หากขีดขึ้นที่ T จางๆ แนะนำว่าให้รออีกสักประมาณ 2 – 3 วันแล้วตรวจอีกครั้ง
ผลตรวจครรภ์บนที่ตรวจครรภ์ไม่ขึ้นขีดใดๆ
ตรวจแล้วไม่ขึ้นแถบสี หรือไม่ขึ้นสักขีด หรือขึ้น 1 ขีดบนตัว T คือ อ่านค่าไม่ได้ แปลว่า ‘ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสียหรือที่ตรวจครรภ์’ อาจเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนของการผลิต หรือชุดทดสอบหมดอายุ ถ้าตรวจแล้วผลที่แสดงไม่ขึ้นสักขีดก็เท่ากับว่าการตรวจในครั้งนั้นใช้ไม่ได้ ดังนั้นจะต้องทำการตรวจใหม่อีกครั้ง
ผลตรวจครรภ์ แม่นยำแค่ไหน
ที่ตรวจครรภ์แต่ละยี่ห้อมีการยืนยันถึงความแม่นยำที่สูง อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ผลการตรวจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ เช่น
- ช่วงเวลาในการตรวจเร็วเกินไป เนื่องจากปริมาณฮอร์โมน hCG ในปัสสาวะยังไม่มากพอ จึงไม่สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์
- ค่าความไวในการตรวจของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แต่ละยี่ห้อมีการตรวจหาค่าความไวต่อฮอร์โมน hCG ที่ต่างกัน ยิ่งค่าความไวในการตรวจจับฮอร์โมนมีน้อยจะทำให้ผลอาจเป็นลบได้
- ความเข้มข้นของปัสสาวะ เมื่อน้ำปัสสาวะมีความเจือจาง เนื่องจากการดื่มน้ำมากเกินไปก่อนการตรวจ อาจส่งผลต่อความเข้มข้นของฮอร์โมนในปัสสาวะได้เช่นกัน และทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจลดลง
- การรับประทานยาบางประเภท ในยาบางตัวอาจมีส่วนผสมของฮอร์โมน hCG เช่น ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) หรือยาแก้แพ้ (Antihistamines) ซึ่งส่งผลต่อการตรวจได้เช่นกัน
ตรวจครรภ์ กี่วันรู้ผล
สำหรับการตรวจครรภ์ที่มีหลายหลายวิธี ผลการตรวจก็จะแตกต่างกันออกไป
- ตรวจครรภ์ด้วยชุดตรวจสำเร็จรูปตามร้านสะดวกซื้อ ทราบผลเร็วที่สุด มีความสะดวก โดยผลออกหลังจากทำการตรวจ5-10 นาที
- ตรวจครรภ์โดยการเจาะเลือดที่สถานพยาบาล ทราบผลหลังตรวจ 1-2 ชั่วโมงโดยต้องได้รับการอ่านผลและแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ
- ตรวจครรภ์โดยการตรวจ Ultrasound ผ่านช่องคลอด ทราบผลทันทีเมื่อตรวจ แพทย์จะทำการวิเคราะห์จากภาพที่ออกมา
โดยแนะนำว่าหากต้องการทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่อาจะเริ่มตรวจจากวิธีใกล้ตัวที่ง่ายที่สุดคือการซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากมีความกังวลหรือสงสัยในการตรวจที่ได้รับผลไม่ชัดเจน ควรเข้าไปที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอคำปรึกษาแพทย์อีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อย
ตรวจครรภ์ตอนไหนชัวร์สุด?
ตรวจครรภ์ควรตรวจตอนไหนถึงจะชัวร์ที่สุด? การตรวจครรภ์ควรตรวจเมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติหรือถัดจากวันที่ควรมีรอบเดือนประมาณ 1 อาทิตย์ หรือตรวจครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 14 วัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่อาจเกิดการปฏิสนธิและตัวอ่อนฝังตัวในมดลูกทำให้รกเริ่มสร้างฮอร์โมน HCG ขึ้นมา และควรตรวจซ้ำอีกครั้งใน 2-3 วันถัดไป
สามารถตรวจครรภ์ตอนเย็นได้ไหม?
สามารถตรวจครรภ์ตอนเย็นได้ แต่ความแม่นยำอาจจะลดลงเนื่องจากปัสสาวะมีการปนเปื้อนสารอื่นๆ จากอาหารหรือยาที่รับประทานระหว่างวัน
ที่ตรวจครรภ์ขึ้น 1 ขีดเข้ม 1 ขีดจาง มีโอกาสท้องไหม?
หากที่ตรวจครรภ์ขึ้น 1 ขีดเข้ม 1 ขีดจาง แปลว่าอาจมีโอกาสตั้งครรภ์ แต่ควรทำการตรวจสอบอีกครั้งในช่วง 2-3 วันถัดไป เนื่องจากอาจมีปริมาณฮอร์โมน hCG เพิ่มขึ้นจากอายุครรภ์ที่เริ่มมีการสร้างรก และทำให้ผลตรวจแม่นยำมากขึ้น
ที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แต่ไม่ท้อง เกิดจากอะไร?
หากที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แต่เมื่อตรวจด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยแล้วพบว่าไม่มีการตั้งครรภ์ สาเหตุอาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น มีสารปนเปื้อนในปัสสาวะ หรือเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ รวมถึงคนที่มีฮอร์โมนผิดปกติจากโรค เช่น ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ เป็นต้น
ข้อสรุป
โดยสรุปคือเมื่อตั้งครรภ์เราสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ด้วยตัวเอง ที่ตรวจครรภ์มีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ แบบจุ่ม แบบตลับหรือแบบหยด แบบปากกาหรือปัสสาวะผ่าน และแบบดิจิทัล ซึ่งทั้ง 4 แบบมีความแม่นยำใกล้เคียงกัน การตั้งครรภ์ในผู้หญิงบางคนอาจมีอาการหรือสัญญาณเตือนต่างๆ ที่คล้ายกับการตั้งครรภ์ในระยะแรก เช่น ประจำเดือนไม่มา หน้าอกขยาย รู้สึกอ่อนเพลีย หรือปวดท้องน้อย
หากมีอาการเหล่านี้สามารถใช้ที่ตรวจครรภ์เพื่อตรวจดูการตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้าหากยังไม่มั่นใจสามารถเข้าไปที่สถานพยาบาลเพื่อตรวจขอตรวจเลือดดูการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน หากท่านไหนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการตั้งครรภ์ รวมถึงปัญหาผู้มีบุตรยาก สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านทาง Line : @beyondivf