เลือดออกทางช่องคลอด

อาการเลือดออกทางช่องคลอดในผู้หญิงนอกจากที่เรียกว่า อาการของประจำเดือน แต่ในบางกรณีที่มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ มาแบบกระปริบ กระปรอย หรือมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดออกมามากกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางสุขภาพหรือแสดงถึงภาวะที่ต้องระวัง คุณควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินและวินิจฉัยอาการเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในระยะยาว

Table of Contents

เลือดออกทางช่องคลอด (Vaginal Bleeding)

อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดในผู้หญิง เป็นภาวะที่ร่างกายอาจจะมีอาการเลือดไหลออกจากช่องคลอดแบบกะปริบ กะปรอย เลือดที่ไหลออกมาในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน หรือเลือดที่ไหลออกมามากกว่าปกติในช่วงที่มีประจำเดือน หรือช่วงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว รวมทั้งเลือดไหลออกมาออกมาขณะการตั้งครรภ์ อาการเหล่านี้แสดงถึงปัญหาทางด้านสุขภาพ ร่างกายที่มีความผิดปกติ และเป็นสัญญาณเตือนการเสี่ยงเป็นโรคร้ายได้

อาการเลือดออกทางช่องคลอด

เลือดออกทางช่องคลอดสีแดงสดไม่เจ็บ

เลือดออกทางช่องคลอด อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ลักษณะของการเป็นประจำเดือน ควรเริ่มสังเกตอาการที่ผิดปกติหรือลักษณะที่เกิดขึ้นในขณะที่มีอาการเหลือดไหลทางช่องคลอดว่ามีอาการเป็นอย่างไร มาเยอะหรือน้อยมากเท่าไหร่ ระยะเวลาที่มีเลือดออก รวมไปถึงอาการอื่นๆ หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและประเมินการรักษา เช่น

  • มีอาการเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงวัยที่หมดประจำเดือนแล้ว
  • มีเเลือดออกทางช่องคลอดจากรอบของประจำเดือนในปริมาณที่มาก
  • ขณะมีประจำเดือนมาเยอะกว่าปกติเปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่า 4 แผ่น หรือประจำเดือนมามากกว่า 7 วันขึ้นไป
  • มีอาการเวียนหัว หน้ามืด มีอาการอ่อนเพลีย

สาเหตุเลือดออกทางช่องคลอด

อาการเลือดออกทางช่องคลอดสามารถเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติทางร่างกาย ดังนี้

ระดับฮอร์โมนไม่ปกติ

เมื่อระดับฮอร์โมนฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ภายในร่างกาย มีความสมดุลที่ไม่ปกติส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ อาจมีเลือดออกทางช่องคลอด

ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์

เลือดออกทางช่องคลอดในภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการตั้งครรภ์เช่น อาการภาวะเกาะต่ำ มีภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก อาการแท้งจากการตั้งครรภ์ อาการท้องนอกมดลูก เป็นต้น

พบเนื้องอกในมดลูก

เมื่อพบเนื้องอกที่บริเวณมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สามารถทำให้กลายเป็นเนื้อร้ายหรือทำให้เกิดมะเร็งได้ หรือขณะมีประจำเดือนจะมีอาการปวดหน่วง ๆ บริเวณท้องน้อยได้ 

ผลข้างเคียงจากมะเร็ง

อาการเลือดออกทางช่องคลอดเกิดได้จากผลข้างเคียงจากมะเร็ง เช่น การป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งช่องคลอด เป็นต้น

ติดเชื้อบริเวณอวัยวะสิบพันธุ์

อาการติดเชื้อบริเวณอัยวะสืบพันธุ์เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการเลือดออกทางช่องคลอดได้เช่นกัน เช่น โรคการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้ออุ้งเชิงกราน การติดเชื้อจากการสวนล้างช่องคลอด เป็นต้น

มดลูกมีปัญหา

  • ติดเชื้ออักเสบของปากมดลูก

อาการอักเสบบริเวณปากมดลูกจุดต่อกับช่องคลอดของผู้หญิง มีอาการระคายเคือง หรือมีความไม่สมดุลของฮอร์โมนและแบคทีเรียในช่องคลอด เช่น อาการตกขาวผิดปกติ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

อาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เจริญเติบโตนอกเหนือจากภายในบริเวณโพรงมดลูก หรือเกิดการแทรกตัวในผนัง กล้ามเนื้อบริเวณมดลูก รวมไปถึงสามารถเติบโตตามอวัยวะต่างๆ ทั้งเยื่อบุบริเวณช่องท้อง รังไข่ เป็นต้น

  • เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ

อาการเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณเยื่อบุมดลูก เป็นการติดเชื้อที่อยู่ในบริเวณช่องคลอดหรือปากมดลูกที่เริ่มมีการลุกลามไปยังโพรงมดลูก หากเริ่มอักเสบรุนแรงอาจลุกลามไปถึง ท่อนำไข่ อุ้งเชิงกราน หรือกล้ามเนื้อมดลูก เป็นต้น 

ใครเสี่ยงมีเลือดออกทางช่องคลอดกระปิดกระปอย

อาการเลือดออกทางช่องคลอดกระปริบกระปรอย ที่ไม่ใช่ประจำเดือน มาๆ  หาย ๆ  เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งมีสาเหตุเกิดอาการ ดังนี้

  • ฮอร์โมนที่มีความแปรปรวน เกิดได้เฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือ วัยรุ่นที่เข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์
  • ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวันเจริญพันธุ์ ไม่ได้มีการคุมกำเนิด แต่มีอาการแท้งบุตร
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาคุม หรือ ยาบำรุงเลือดลม
  • มีภาวะรกเกาะต่ำ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด เกิดการฉีกขาดของหลอดเลือด
  • มีเนื้องอกที่บริเวณมดลูก 
  • อาการท้องนอกมดลูก
  • ภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ฮอร์โมนแปรปรวน

มีเลือดออกทางช่องคลอดแต่ไม่ใช่ประจำเดือน ควรพบแพทย์ไหม

ในกรณีที่คุณมีเลือดออกทางช่องคลอดและไม่ใช่ประจำเดือน ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ปกติและอาจเกิดจากสาเหตุ ดังนี้ 

  • มีอาการเลือดออกที่ช่องคลอดในช่วงวัยที่หมดประจำเดือนแล้วหรือในวัยที่ยังไม่มีประจำเดือน
  • มีเเลือดออกทางช่องคลอดจากรอบของประจำเดือนในปริมาณที่มาก หรือ หลังจากมีเพศสัมพันธุ์
  • ขณะมีประจำเดือนมามากกว่าปกติเปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่า 4 แผ่น หรือประจำเดือนมามากกว่า 7 วันขึ้นไป

ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเพื่อวางแผนการรักษาไม่ให้เกิดผลเสียในระยะยาว

การวินิจฉัยภาวะเลือดออกทางช่องคลอด

การวินิจฉัยภาวะเลือดออกทางช่องคลอดขึ้นอยู่กับอาการและประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย รวมถึงการทำการตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะอาการของผู้ป่วย รายละเอียดของการวินิจฉัยอาการเลือดออกทางช่องคลอดมี ดังนี้  

1. การซักประวัติเบื้องต้น

แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการเลือดออกทางช่องคลอด รวมถึงระยะเวลาที่เกิดอาการ ปริมาณเลือดที่ออก และลักษณะของเลือด (เช่น เลือดสด, เลือดสีดำ)

2. การตรวจการตั้งครรภ์

หากมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดขณะกำลังตั้งครรภ์ สามรถพบได้ใช้ช่วงครึ่งแรกของการตั้งครรภ์ และครึ่งหลังการตั้งครรภ์ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบเข้าพบเพื่อประเมินความเสี่ยงว่ามีโอกาสแท้งมากน้อยเพียงใด หรือ เป็นการตั้งครรภ์โดยไม่พบตัวอ่อน หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อว่า ภาวะท้องลม เป็นต้น

3. การตรวจมะเร็งปากมดลูก

เป็นการตรวจเพื่อทำการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยทำการเก็บตัวอย่างเพื่อไปตรวจหาการติดเชื้อที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมะเร็งปากมดลูก

4. การตรวจเลือด

การเจาะเลือดเพื่อตรวจเช็คความผิดปกติของ ต่อมไทรอยด์ ไต และฮอร์โมนเพศหญิงว่าทำงานตามปกติดีหรือไม่ เพื่อประเมินอาการ

5. การตรวจเม็ดเลือด

การตรวจเม็ดเลือดเพื่อตรวจเช็คปริมาณและลักษณะของเม็ดเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ในกรณีที่มีเลือกออกมากเกินไปจนทำให้เกิดภาวะเลือดจาง

6. การตรวจอุ้งเชิงกราน

การตรวจอุ้งเชิงกรานหรือการตรวจภายในเพื่อตรวจเช็คความผิดปกติภายใน ได้แก่ ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก รังไข่ หรือเยื่อบุบริเวณรอบ ๆ เป็นต้น

7. การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก

การส่องกล้องเพื่อตรวจโพรงมดลูกด้วยการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ด ในการตรวจเช็คความผิดปกติแถวบริเวณมดลูกไปจนถึงบริเวณโพรงมดลูก ข้อดีในการใช้กล่องส่องในการตรวจคือทำได้ง่าย และปลอดภัย

วิธีรักษาอาการเลือดออกทางช่องคลอด

การรักษาอาการเลือดออกทางช่องคลอดขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะที่เกิดขึ้น มีวิธีรักษาดังต่อไป

มีเลือดออกทางช่องคลอดแต่ไม่ใช่ประจำเดือน

1. การรักษาทั่วไป

หากภาวะเลือดออกทางช่องคลอดไม่รุนแรงมาก คุณสามารถดูแลและจัดการได้ที่บ้านโดยให้ผู้ป่วยพักผ่อนในท่าที่สบาย ควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณเหลืองสูงและดื่มน้ำมาก เพื่อป้องกันการเกิดภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากขาดน้ำ

2. การรักษาด้วยยาปรับฮอร์โมน

อาการเลือดออกเกิดได้จากภาวะฮอร์โมนในร่างกายที่ไม่สมดุล หรือผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน แพทย์จะทำการประเมินและพิจารณาการจ่ายยาเพื่อทำการปรับความสมดุลของฮอร์โมนให้เหมาะสมตามลักษณะอาการ

3. การรักษาโดยการผ่าตัด

ในกรณีที่แพทย์ประเมินผลการตรวจแล้วว่าพบก้อนเนื้องอกในบริเวณมดลูกที่เห็นสาเหตุของอาการเลือกออกทางช่องคลอด แพทย์จะใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก 

4. การรักษาที่ต้นเหตุโรค

หากเลือดออกทางช่องคลอดเกิดจากสาเหตุของโรคโดยตรง เช่น เนื้องอกมดลูก  หรือเนื้องอกในรังไข่  การรักษาจะเน้นที่การจัดการจากต้นเหตุของโรคก่อน เช่น การใช้ยาสำหรับลดขนาดเนื้องอกหรือการตัดเนื้องอกออก หรือการผ่าตัด เป็นต้น

เลือดออกทางช่องคลอดกับภาวะมีบุตรยาก

เลือดออกทางช่องคลอดและภาวะมีบุตรยากอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหรือเกี่ยวข้องกันได้ แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่เลือดออกทางช่องคลอดจะทำให้เกิดปัญหามีบุตรยาก สาเหตุอาการอาจมีหลายสาเหตุและมีความซับซ้อนที่แตกต่างกันไป เช่น มีประวัติเลือดออกผิดปกติ มีประวัติการตั้งครรภ์และมีภาวะแท้ง ความผิดปกติทางฮอร์โมนเพศ เป็นต้น ดังนั้นการวินิจฉัยและรักษาควรจะเป็นไปตามสาเหตุหากตรวจพบปัญหามีบุตรยาก สามารถปรึกษากับทางแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนการรักษาวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI หรือ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก IUI โดยตรวจเพื่อเพิ่มโอกาสการมีบุตร

แนวทางการป้องกันเลือดออกทางช่องคลอด

มีเลือดออกทางช่องคลอดกระปิดกระปอย

แนวทางในการป้องกันภาวะเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีการดังนี้

  • เมื่อเข้าพบแพทย์และไม่สามารถตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาคุมเพื่อปรับสมดุลของรอบเดือนให้ทำงานปกติ
  • ผู้ป่วยจะได้รับประทานยาปรับฮอร์โมน เพื่อปรับความสมดุลของฮอร์โมน ทั้งนี้ต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย
  • การรักษาด้วยวิธีการขูดมดลูก ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาในการรักษาได้ เพื่อควบคุมอาการเลือดออกทางช่องมากเกินไป หรือความผิดปกติของเยื่อบุมดลูก
  • การผ่าตัดเอาเนื้องอกออก เพื่อควบคุมอาการเลือดออกทางช่องคลอด

คำถามที่พบบ่อย

เลือดออกทางช่องคลอดสีแดงสดไม่เจ็บ อันตรายไหม

เลือดออกทางช่องคลอดสีแดงสดโดยไม่มีอาการเจ็บอาจไม่ใช่สัญญาณของอันตรายในทันทีแต่ก็ควรตรวจสอบสาเหตุและปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีการดูแลเพิ่มเติม เพราะหากเป็นเลือดสีดำคล้ำ อาจเกิดได้จากเลือดเก่าที่ตกค้าง แต่พอเป็นเลือดสีแดงอาจเกิดจากความผิดปกติบางอย่าง เช่นการฝังตัวของตัวอ่อนที่ไม่แข็งแรง เป็นต้น 

เลือดออกทางช่องคลอดสีน้ำตาล ใช่เลือดล้างหน้าเด็กไหม

อาการที่มีเลือดออกทางช่องคลอดสามารถเป็นเลือดล้างหน้าเด็กได้เนื่องจาก สีของเลือดล้างหน้าเด็กจะมีสีตั้งแต่ชมพูอ่อนไปจนถึงสีสนิมหรือน้ำตาลเข้มถือว่าปกติ

ความเครียดมีส่วนให้เลือดออกทางช่องคลอดไหม

ภาวะความเครียด ร่างกายอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย เป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการเลือดออกทางช่องคลอดเพราะความเครียดเป็นต้นกำเนิดของการที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนได้ 

ข้อสรุป

อาการเลือดออกทางช่องคลอดเป็นอาการที่ส่งสัญญาณว่ามีการผิดปกติภายในร่างกาย สาเหตุของเลือดออกทางช่องคลอดอาจมีหลายสาเหตุและอาจแสดงอาการที่มีความรุนแรงและความเสี่ยงที่ต่างกัน  ดังนั้นการวินิจฉัยและรักษาควรจะเป็นไปตามสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้องหากคุณพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอด แต่ไม่มีอาการเจ็บปวด  ควรติดต่อแพทย์เพื่อการประเมินและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์จะทำการตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วย การตรวจร่างกาย และอาจจะขอให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด หรือการตรวจช่องคลอด เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @beyondivf